วิธีใช้โทรศัพท์มือถือ

ขณะรอ โทรออก กดเบอร์เสร็จ อย่ารีบ เอาเครื่องมือถือมาแนบ ที่หู ทันที

ควรปล่อยทิ้งไว้ ประมาณ 5 วินาที แล้วค่อย นำมาแนบที่หู

เพราะ 5 วินาที นั้นหลัง จากกดเบอร์เสร็จแล้วเริ่ม โทรออก มันคือ ช่วงค้นหาสัญญาณ ที่มีคลื่น แรง มากที่สุด

ผลวิจัย ต่าง ประเทศ แจ้งว่า มีผลกระทบ ต่อเนื่องอก และอาจกลายเป็น มะเร็งสมองได้

ถนัดขวา ตรวจพบ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ เป็นเนื้องอก หรือมะเร็งสมองซีกทางขวา

ถนัดซ้าย ก็ตรวจพบว่าเป็นทางซ้าย เช่นกัน

เวลา รับก็เช่นกัน ปล่อยให้ดัง หรือ สั่นไปก่อน 5 วินาที แล้วค่อย รับ มีผลเช่นกันกับด้านบนทั้งหมด

หากใช้ อุปกรณ์ ไร้สายทุกชนิด ก็จะ สามารถ ป้องกัน คลื่น เหล่านี้ ได้ ทั้งการ โทรออกและ โทรเข้า

มีบางคนบอกว่า โทรศัพท์มือถือมีอิทธิพลกับการดำรงชีวิตของผู้คนในปัจจุบันมาก จนยกให้เป็น “ปัจจัยที่ 5” ของสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตของมนุษย์ไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากมองไปทางไหนก็มีแต่คนพกโทรศัพท์มือถือ เพราะโทรศัพท์มือถือมีประโยชน์มากมาย รวมถึงสามารถช่วยลดการใช้พลังงานในภาวะราคาน้ำมันแพงด้วย

เนื่องจากสามารถใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อสื่อสารได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว แทนการเดินทางเพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงานได้ อาทิ

• การใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อประสานงาน ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือพัฒนาไปมากกว่าแค่การพูดคุยเท่านั้น แต่สามารถเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตได้ด้วย ดังนั้นจึงมีผู้ใช้ระบบการสื่อสารเพื่อทำงานนอกสถานที่หรือทำงานที่บ้านแทน การเดินทางมาทำงานที่สำนักงานจำนวนไม่น้อย ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานได้มาก

• การใช้โทรศัพท์มือถือนัดหมายบุคคล หรือนัดหมายวัน เวลา สถานที่ ที่แน่ชัดดำเนิน กิจธุระ เพื่อลดความเสี่ยงในการผิดนัด หรือการใช้โทรศัพท์มือถือพูดคุยทักทายเพื่อนฝูง ญาติสนิท แทนการเดินทางไปพบในบางโอกาสก็ช่วยประหยัดน้ำมันได้

• การใช้โทรศัพท์ตรวจสอบความถูกต้องหรือชี้นำเส้นทาง กรณีที่ต้องเดินทางไปในสถานที่ไม่คุ้นเคย เพื่อป้องกันการขับรถหลงทาง ซึ่งนอกจากทำให้สิ้นเปลืองพลังงานแล้วยังเสียเวลาอีกด้วย

ทั้งนี้ นอกจากเราจะใช้ประโยชน์จากโทรศัพท์มือถือเพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ต้องรู้วิธีประหยัดพลังงานและยืดอายุการใช้งานของโทรศัพท์มือถือด้วย เพราะส่วนประกอบทุกชิ้นมีกำหนดอายุการใช้งาน เช่น แบตเตอรี่ มีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี ซึ่งหากเราไม่รู้วิธีการใช้นอกจากจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน ยังทำให้อายุการใช้งานสั้นกว่าที่กำหนดได้ สำหรับเคล็ดลับยืดอายุการใช้งานและประหยัดพลังงานในการใช้โทรศัพท์มือถือ คือ

• ถอดสายชาร์จออกทันทีเมื่อแบตเตอรี่เต็ม หากยังใช้แบตเตอรี่ไม่หมด ไม่ควรชาร์จไฟ เพราะจะทำให้เสื่อมเร็ว

โทรศัพท์มือถือใช่ว่าจะมีประโยชน์เฉพาะช่วงเวลาที่ยังใช้งานได้เท่านั้น แต่เมื่อหมดอายุการใช้งานแล้วยังสามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ถึง 80% และอีก 20% สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการรีไซเคิล จากสถิติของสมาคมผู้ประกอบการสื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นระบุว่า เครื่องโทรศัพท์จำนวน 66,000 เครื่องสามารถรีไซเคิลโลหะทองได้ 1 กิโลกรัม จำนวน 97,000 เครื่องรีไซเคิลโลหะเงินได้ 1 กิโลกรัม นอกจากนี้สถิติของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (EPA) ของสหรัฐฯ ชี้ว่า พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากโทรศัพท์มือถือรีไซเคิลจำนวน 10,000 เครื่องเพียงพอต่อการใช้งานตลอดทั้งปีสำหรับ 19 ครอบครัว อีกทั้งช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เท่ากับปริมาณรถขนาดเล็ก 14 คัน นอกจากนี้เศษชิ้นส่วนที่เหลือยังนำไปบดเป็นชิ้นส่วนของวัสดุก่อสร้างถนนหรือ ถมถนนได้อีกด้วย

แต่ปัญหาก็คือ หากผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทุกคนไม่มีระเบียบในการทิ้งโทรศัพท์ที่เสื่อมสภาพ แล้วละก็จะทำให้เกิดโทษมหันต์เช่นกัน เพราะส่วนประกอบบางอย่างในโทรศัพท์มือถือเป็น “ขยะพิษ” โดยเฉพาะแบตเตอรี่ มีส่วนประกอบที่เป็นโลหะหนักมีอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม

ดังนั้นผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทั้งหลายต้องให้ความร่วมมือทิ้งโทรศัพท์มือถือ เสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งาน ในถังขยะที่เขียนว่า “ขยะพิษ” หรือนำไปหย่อนในกล่องรับโทรศัพท์ แบตเตอรี่เก่า ซึ่งมีตามจุดที่บริษัทโทรศัพท์มือถือจัดวางไว้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

หากคุณใช้ประโยชน์จากโทรศัพท์มือถืออย่างเต็มประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบ ต่อสังคม จงภูมิใจได้ว่าคุณคือคนหนึ่งที่ “ใช้โทรศัพท์มือถืออย่างฉลาด…ประหยัดพลังงาน…รักษาชีวิตและสิ่งแวดล้อม”

แน่นอนว่าการคุยโทรศัพท์นานๆ จะส่งผลให้พลังงานของแบตเตอรี่หมดไว จนต้องชาร์จกันบ่อยๆ หากเราลองเปลี่ยนพฤติกรรม ปรับระยะเวลาในการพูดคุยให้สั้นลง คุยเฉพาะเรื่องที่จำเป็นและเร่งด่วน นอกจากจะช่วยให้ประหยัดค่าไฟในการชาร์จแบตเตอรี่แล้ว คุณยังมีเวลาเปิดรับเรื่องราวต่างๆ จากภายนอกมากขึ้นอีกด้วย

คงต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้เกมส์หรือแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ออกแบบมาได้อย่างสนุกจนวางไม่ลง หากเล่นกันเพลินก็ทำให้แบตเตอรี่หมดไวเช่นกัน และหมดไวยิ่งกว่าการสนทนาอีกด้วย ดังนั้นหากลดการเล่นเกมส์หรือแอพพลิเคชั่นลงบ้างก็คงจะดี คือเล่นเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นไม่ใช่เล่นเป็นงานอดิเรก

อันนี้อาจจะปฏิบัติการได้ยาก แต่ก็ควรรู้ไว้ว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่เรากำลังจะเปลี่ยนนั้นมีคุณสมบัติเพื่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ เช่น วัสดุทำมาจากไบโอพลาสติก, ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม, สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้, คู่มือการใช้งานทำออกเป็นเป็นสื่อดิจิตอล เป็นต้น นอกจากนี้ในโทรศัพท์มือถือบางรุ่น ยังมีฟังก์ชั่นต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ระบบแจ้งเตือนให้ถอดที่ชาร์จแบตเตอรี่เมื่อประจุไฟฟ้าเต็ม เป็นต้น

ในโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่จะมีโหมดประหยัดพลังงานอยู่ ทำให้แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานขึ้นไม่จำเป็นต้องชาร์จบ่อย และควรใช้งานให้แบตเตอรี่หมดจริงๆ ค่อยชาร์จใหม่ นอกจะจะประหยัดค่าไฟแล้ว ยังช่วยถนอมแบตเตอรี่ให้อยู่กับเรานานที่สุด

ปัจจุบันมีอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่แบบไม่ต้องอาศัยไฟฟ้าออกมาจำหน่ายบ้างแล้วอย่างเช่น อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่แบบติดตั้งกับรถจักรยาน อาศัยพลังงานจากล้อหมุน มาใช้เติมพลังงานให้กับแบตเตอรี่โทรศัพท์

ปัจจุบันผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือออกโปรโมชั่นมามากายหลายแบบแล้วแต่การใช้งานของแต่ละกลุ่ม ทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ในประเทศไทยนิยมมีซิมการ์ด 2 ซิมขึ้นไป หากใช้โทรศัพท์มือถือที่รองรับ 2 ซิมยังพอทน แต่ถ้าต้องพกคราวละ 2-3 เครื่องคงไม่ไหว หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ได้แล้ว ลองประหยัดค่าใช้จ่ายในการสนทนา แล้วคุณจะพบว่าซิมเดียวก็เอาอยู่

Write a Comment