ใช้งานโทรศัพท์มือถืออย่างถูกต้อง เพื่อรักษาแบตเตอรี่มือถือ ให้ใช้งานได้นาน

ส่วนประกอบที่สำคัญของโทรศัพท์มือถือนั่นคือแบตเตอรี่ ปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทคือ แบบลิเธียมไอออน และ ลิเธียมโพลิเมอร์ ซึ่งมีหน้าที่ให้พลังงานกับสมาร์ทโฟนของเรา แต่ปัญหาที่พบบ่อย ๆ คือ การที่แบตเตอรี่โทรศัพท์เสื่อมลง บางคนต้องแก้ปัญหาโดยการใช้เพาเวอร์แบงค์เป็นตัวเสริมในการชาร์จช่วยให้ใช้งานได้ต่อเนื่องและยาวนานกว่าเดิม แต่คงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากว่าเรามีวิธีใช้งานอย่างถูกต้องเพื่อให้แบตเตอรี่มือถือได้ใช้อย่างยาวนานยิ่งขึ้น

ไม่ต้องรอให้แบตหมด เพราะเราสามารถชาร์จมือถือได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องรอให้ใกล้หมด หรือหมดแล้วค่อยชาร์จ แต่ควรชาร์จเมื่อมีปริมาณต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์จะดีที่สุด

ไม่จำเป็นต้องชาร์จ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม แบตเตอรี่แต่ละรุ่นจะมีรอบการชาร์จจนกว่าจะเสื่อมสภาพ ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 500-800 รอบ ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อที่ใช้ เมื่อครบตามจำนวนแบตเตอรี่มือถือก็จะเริ่มเสื่อมลงไป วิธีการคิดรอบการชาร์จคือ จาก 0-100 เปอร์เซ็นต์คิดเป็นหนึ่งรอบ หากใช้งานเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์แล้วชาร์จก็จะเป็น 0.5 รอบนั่นเอง ดังนั้นการชาร์จให้เต็มบ่อย ๆ รอบของการชาร์จก็จะครบช้าลง ช่วยยืดระยะเวลาเสื่อมลงได้

ใช้อุปกรณ์ของแท้ ที่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะหัวและสายชาร์จต้องได้มาตรฐานจากศูนย์ผลิตของยี่ห้อโทรศัพท์นั้น ๆ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าจะเข้าสู่แบตเตอรี่มือถือของเราได้ดีและเต็มประสิทธิภาพ หากใช้อุปกรณ์ที่ไม่มีมาตรฐาน จะยิ่งทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วเพราะไฟฟ้าไม่มีความเสถียร และบางครั้งอาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรืออาจจะเกิดการระเบิดจนเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้อีกด้วย

ชาร์จจากไฟบ้านจะดีกว่า อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายเวลาต้องเดินทางหรือในขณะนั้นไม่มีปลั๊กไฟให้ชาร์จ ตัวช่วยที่ดีที่สุดคือการชาร์จจากคอมพิวเตอร์ รถยนต์ และ Power Bank ซึ่งอาจมีกำลังไฟฟ้าที่ไม่เสถียร อาจส่งผลให้แบตเตอร์รี่เสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติ

เลี่ยงการวางมือถือในที่ร้อน ไม่ว่าจะเป็นในรถ หรือบนโต๊ะที่มีแสงแดดส่องถึง จะทำให้แบตเตอรี่หมดสภาพการใช้งานเร็วยิ่งขึ้น

ระหว่างใช้งานไม่ควรชาร์จไฟ ซึ่งจะทำให้เครื่องร้อนขึ้นมากกว่าเดิม จนกลายเป็นความร้อนสะสม อาจจะทำให้เกิดการระเบิดหรือไฟฟ้าลัดวงจรเกิดขึ้นได้

แบบลิเธียมโพลีเมอร์ มีจุดเด่นด้านความปลอดภัย และเหมาะกับโทรศัพท์มีลักษณะเบาและบาง ซึ่งลักษณะเฉพาะตัวนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามแบตเตอรี่มือถือแต่ละรุ่น อัตราการใช้งานอยู่ที่ 300-400 รอบการชาร์จ และสามารถนำไปรีไซเคิลได้อีกด้วย แต่ไม่ควรใช้ในอุณหภูมิที่หนาวหรือร้อนจัดเนื่องจากมีผลต่อการทำงาน ในส่วนแบบลิเธียมไอออน ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากผู้ผลิตเนื่องจากมีราคาที่ไม่สูงมาก มีความหนาแน่นของพลังงานสูงกว่าแบบลิเธียมโพลีเมอร์ ใช้งานได้ที่ความเย็นติดลบ 20 จนถึงอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส ที่สำคัญไม่ต้องชาร์จให้เต็มก่อนนำมาใช้งานครั้งแรก การปล่อยพลังงานก็ทำได้ดี อายุการใช้งานกว่า 300-400 รอบการชาร์จ และนำไปรีไซเคิลได้ แต่มีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดและน้ำหนักที่ต้องอยู่ในรูปทรงสี่เหลี่ยมเท่านั้น

เป็นอย่างไรบ้างกับการใช้งานโทรศัพท์ที่ถูกต้อง เพื่อยืดระยะเวลาและรักษาแบตเตอรี่มือถือของเราให้ใช้งานได้นาน ๆ หากพบความผิดปกติว่า บวม หรือนูน แนะนำให้เปลี่ยนจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัย อย่าฝืนใช้อาจเป็นอันตรายได้ในอนาคต

Write a Comment