วิธีการ ยืดเวลาแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือให้ใช้ได้นานขึ้น
• ปิดโทรศัพท์. ให้ปิดโทรศัพท์เฉพาะตอนที่คุณไม่ต่องการใช้โทรศัพท์ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพราะการเปิดปิดโทรศัพท์จะใช้พลังงานในการทำงานค่อนข้างมาก ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีรักษาแบตเตอรี่ที่ได้ผลและง่ายที่สุด เพราะจะช่วยรักษาพลังงานและยังช่วยชาร์จแบตเตอรี่ได้อีกด้วย ถ้าคุณไม่คิดจะรับโทรศัพท์ระหว่างที่นอนหลับหรือทำงาน ก็ให้ปิดไว้ และปิดโทรศัพท์เมื่อคุณอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณด้วย (เช่น รถไฟใต้ดินหรือที่ที่กันดาร เพราะการค้นหาสัญญาณใหม่จะทำให้แบตเตอรี่ลดลงค่อนข้างเร็ว)
• โทรศัพท์บางรุ่นจะมีคุณสมบัติในการประหยัดพลังงานโดยอัตโนมัติ แต่คุณสมบัติจะเริ่มทำงานก็ต้องรอเวลา 30 นาทีโดยที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ กว่าจะถึงตอนนั้นแบตเตอรี่ก็ถูกใช้ไปมากแล้ว ถ้าคุณใช้สมาร์ทโฟนและอยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณ ให้ปิดการทำงานของโทรศัพท์ (โดยเปิดโหมดใช้งานบนเครื่องบิน (Flight/Airplane mode)) ให้ปิดโทรศัพท์เฉพาะตอนที่คุณไม่ต่องการใช้โทรศัพท์ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพราะการเปิดปิดโทรศัพท์จะใช้พลังงานในการทำงานค่อนข้างมาก ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีรักษาแบตเตอรี่ที่ได้ผลและง่ายที่สุด เพราะจะช่วยรักษาพลังงานและยังช่วยชาร์จแบตเตอรี่ได้อีกด้วย ถ้าคุณไม่คิดจะรับโทรศัพท์ระหว่างที่นอนหลับหรือทำงาน ก็ให้ปิดไว้ และปิดโทรศัพท์เมื่อคุณอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณด้วย (เช่น รถไฟใต้ดินหรือที่ที่กันดาร เพราะการค้นหาสัญญาณใหม่จะทำให้แบตเตอรี่ลดลงค่อนข้างเร็ว)
• หยุดค้นหาสัญญาณ. เมื่อคุณอยู่ในพื้นที่ที่สัญญาณอ่อนหรือไม่มีสัญญาณ โทรศัพท์ของคุณจะคอยค้นหาสัญญาณอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการค้นหาสัญญาณต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การลืมปิดโทรศัพท์บนเครื่องบินเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่าย เพราะเราจะไม่รู้ตัวว่าเมื่อใดจะอยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณ วิธีที่จะยืดเวลาการใช้งานได้ดีที่สุดก็คือดูให้ดีว่าคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณดี ถ้าคุณอยู่ในที่ที่สัญญาณไม่ดี ให้ใช้เครื่องทวนสัญญาณ (Repeater) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสัญญาณและทำให้ตัวรับสัญญาณทำงานได้ดีขึ้นในทุกๆ ที่ที่คุณไป หรือคุณจะเปิดโหมดใช้งานบนเครื่องบินตามที่เคยกล่าวไปก่อนหน้านี้ก็ได้
• “อย่า” ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มและใช้ให้หมด. หลีกเลี่ยงการปล่อยให้แบตเตอรี่โทรศัพท์หมด เพราะแบตเตอรี่โทรศัพท์สมัยใหม่ไม่ได้จากแบตเตอรี่ที่ทำมากจากนิกเกิล (Nickel-based batteries) (เช่น ถ่านชาร์จ AA ที่ทำมาจาก NiCd หรือ NiMH ที่หาได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป) แต่ทำมาจากแบตเตอรี่ที่ทำมาจากลิเธียม (Lithium-based battery) ซึ่งถูกออกแบบมาให้ชาร์จไฟได้เร็วและบ่อย การปล่อยให้แบตเตอรี่ชนิดนี้น้อยเกินไปอาจจะสร้างความเสียหายให้กับตัวแบตเตอรี่ได้ ดังนั้น อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมดและคอยชาร์จแบตบ่อยๆ จะช่วยยืดอายุให้กับแบตเตอรี่ได้
• ปิดการใช้แบ็คไลท์. แบ็คไลท์ (Backlight) เป็นสิ่งที่สร้างมาเพื่อช่วยให้เราสามารถอ่านข้อความในที่ที่สว่างมากๆ หรือนอกตัวอาคารได้ อย่างไรก็ตาม แบ็คไลท์เป็นสิ่งที่ต้องการพลังงานจากแบตเตอรี่เช่นกัน ถ้าคุณสามารถใช้งานโทรศัพท์โดยที่ไม่ใช่แบ็คไลท์ได้ แบตเตอรี่ก็จะอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น ถ้าคุณต้องใช้แบ็คไลท์ โทรศัพท์หลายๆ รุ่นสามารถตั้งเวลาการใช้แบ็คไลท์ได้ ดังนั้น ให้ลดเวลาการใช้งาน ซึ่งโดยทั่วไปการใช้แบ็คไลท์ประมาณ 1-2 วินาทีก็เพียงพอแล้ว โทรศัพท์บางรุ่นมีตัวรับแสงรอบด้าน (Ambient light sensor) ซึ่งจะปิดแบ็คไลท์ในที่สว่างและเปิดในที่ที่มืด
• คุยโทรศัพท์ให้สั้น. วิธีนี้เป็นสิ่งที่ชัดเจนก็จริง แต่คุณได้ยินคนที่คุยโทรศัพท์พูดว่า “ฉันคิดว่าแบตจะหมดแล้ว” แต่พวกเขาก็ยังคุยต่อไปมากี่ครั้งแล้ว บางครั้งแบตเตอรี่ที่กำลังจะหมดนั้นก็เป็นแค่ข้ออ้างที่จะวางสายโทรศัพท์ (ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ดี) แต่ถ้าคุณต้องการที่จะรักษาแบตเตอรี่ ให้จำกัดเวลาการคุยโทรศัพท์ด้วย
• ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าเครือข่ายถ้าเป็นไปได้. ใช้ 3G (HSPA, HSPA+, UMTS) หรือ 2G (GSM) แทนที่จะใช้ 4G (LTE) เพราะการใช้ 4G จะทำให้แบตเตอรี่ลดลงเร็วกว่าการใช้ 3G หรือ 2G ดังนั้น ปิดการใช้งาน 4G เมื่ออยู่ในที่ที่สัญญาณ 4G อ่อน เมื่อคุณใช้ 4G ทั้งระบบวิทยุ 3G และ 4G จะถูกเปิดด้วยกัน ซึ่งจะต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก หรือคุณอาจจะปิด 3G แล้วใช้ 2G แทนถ้าที่ที่คุณอยู่มีสัญญาณ 3G ที่อ่อนหรือไม่มีเลย
Write a Comment