การตลาดบนมือถือและคนรุ่นต่างๆ: Boomer, Gen X, Millennial และ Gen Z | Adjust
หลายๆ คนเห็นตรงกันว่าคนแต่ละรุ่นมักมีลักษณะบางอย่างร่วมกัน ชาว Baby Boomer เป็นกลุ่มประชากรที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจ ในขณะที่กลุ่ม Gen Z และ Millennial ขึ้นชื่อว่าเป็นกลุ่มที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีและมักใช้เวลาไปกับโลกออนไลน์ นอกจากนี้ เราอาจได้ยินคำพูดอย่าง "Ok boomer" (แล้วแต่เลยนะ ชาวเบบี้บูม) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างคนรุ่นต่างๆ แต่คุณไม่สามารถ (และไม่ควร) สร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ตามลักษณะเหมารวมเช่นนี้ สิ่งที่สำคัญกว่าคือตัดสินใจโดยตั้งอยู่บนข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้คุณกระจ่างแจ้งเกี่ยวกับเทรนด์พฤติกรรมของคนแต่ละรุ่นและวิธีการกำหนดเป้าหมายพวกเขา ในคู่มือนี้ เราจะพูดถึงพื้นฐานเกี่ยวกับการปรับแต่งการทำการตลาดแอปให้เหมาะกับคนแต่ละรุ่น
คุณไม่สามารถทำการตลาดกับคนรุ่นต่างๆ ได้ หากคุณไม่ทราบว่าแต่ละรุ่นประกอบด้วยกลุ่มประชากรลักษณะใดบ้าง Pew Research Center ซึ่งได้รับการสนับสนุนให้ประเมินทัศนคติของประชาชนทั่วไปที่มีต่อประเด็นหลักต่างๆ และบันทึกสรุปทัศนคติที่แตกต่างกันในกลุ่มประชากรต่างๆ ได้แบ่งคนออกเป็น 5 รุ่น ดังนี้
Michael Dimock ประธานของ Pew Research Center อธิบายว่า “การแบ่งกลุ่มคนตามรุ่นช่วยให้นักวิจัยมีเครื่องมือในการวิเคราะห์มุมมองที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา โดยเป็นกลวิธีในการทำความเข้าใจว่าหากประสบการณ์ที่เป็นตัวประกอบสร้าง (เช่นเหตุการณ์ในโลกและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเศรษฐกิจและสังคม) สัมพันธ์กับวงจรชีวิตและการแก่ชราและส่งผลกับมุมมองที่ผู้คนมีต่อโลกอย่างไร” Michael ยังเสริมว่า “เส้นที่แบ่งแต่ละรุ่นออกจากกันนั้นไม่ได้มาจากกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์เสียทีเดียว เราควรมองเส้นแบ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือเป็นหลัก ซึ่งช่วยให้สามารถทำการวิเคราะห์ประเภทต่างๆ ที่กล่าวถึง[ในรายงานนี้ได้]” บทความนี้จะแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกต่างๆ เกี่ยวกับประชากรแต่ละกลุ่ม โดยต้องขอยกเว้นกลุ่ม Silent Generation และกล่าวถึงหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อช่วยคุณในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
ที่สหรัฐอเมริกาในช่วงปีเกิดของชาว Boomer มีจำนวนเด็กเกิดใหม่รวมกันถึง 79 ล้านคน Baby Boomer จึงเป็นหนึ่งในรุ่นที่มีจำนวนประชากรมากที่สุด แม้ชาว Boomer จะไม่ใช่กลุ่มประชากรที่ใช้งานเทคโนโลยีสมัยใหม่สูงเหมือนชาว Millenial แต่ 60% ของคนในกลุ่มอายุ 50–64 ปี ก็ใช้เว็บไซต์โซเชียลมีเดียอย่างน้อย 1 แห่ง ข้อมูลจาก Forbes ระบุว่า 60% ของ Baby Boomer ใช้เวลาอ่านบล็อกและบทความออนไลน์อื่นๆ เพื่อติดตามข้อมูลและสิ่งที่น่าสนใจ ในขณะที่ 70% ชอบดูวิดีโอเกี่ยวกับสินค้าและบริการ ในบทความเดียวกันนี้ผู้จัดการฝ่ายการตลาดดิจิทัลอาวุโสของ Caring People Inc Karina Tama - Rutigliano อธิบายว่า "นักการตลาดที่มีเป้าหมายเป็น Baby Boomer ต้องจำไว้ว่าคนรุ่นนี้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา พวกเขาคุ้นเคยกับเทคโนโลยีมากกว่าที่คุณคิด และใช้ในรูปแบบที่แตกต่างจากชาว Millennial” เธอยังย้ำบรรดานักการตลาดด้วยว่า Baby Boomer เป็นคนรุ่นที่มีความมั่งคั่งและมีส่วนแบ่งรายได้ที่ใช้จ่ายได้จริง (Disposable Income) มากอย่างมีนัยสำคัญ
Boomer ใช้งาน Facebook บ่อยกว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆ กิจกรรมของ Baby Boomer ได้แก่ ติดต่อกับเพื่อนและครอบครัวและอ่านบทความผ่านแพลตฟอร์มนี้ เราจึงมีโอกาสในการทำการตลาดกับ Baby Boomer ด้วยโฆษณาบน Facebook และสร้างชุมชนสำหรับแบรนด์ของคุณบนโซเชียลเน็ตเวิร์กนี้ ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งให้ Baby Boomer ได้การติดต่อคุณเพื่อขอรับบริการสำหรับลูกค้า
เมื่อพูดถึงการบริการลูกค้า Baby Boomer อาจคุ้นเคยและสบายใจกับวิธีเดิมๆ เช่น บริการผ่านอีเมลและการติดต่อธุรกิจทางโทรศัพท์ หากคุณต้องการเจาะกลุ่ม Boomer สองช่องทางนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ควรเพิ่มในเครือข่ายการบริการลูกค้าของคุณ โดยอาจใช้แชทสดและแชทบอทเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้
Baby Boomer อาจไม่ใช่คนรุ่นที่ใช้เวลาส่วนใหญ่กับมือถือ แต่คนรุ่นนี้ยังคงใช้โทรศัพท์อย่างน้อย 2.5 ชั่วโมงทุกวัน คุณควรพัฒนากลยุทธ์ที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่ม Boomer บนเดสก์ท็อปและมือถือเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับธรรมชาติของผลิตภัณฑ์ของคุณด้วย
Generation X มีจำนวนน้อยกว่าคนรุ่น Millennial หรือ Baby Boomer อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อของ Gen X นั้นคิดเป็น 31% ของรายได้ในสหรัฐฯ ทั้งหมด และรายได้โดยเฉลี่ยของคนรุ่นนี้ก็สูงกว่ารายได้เฉลี่ยของทั้งประเทศ Gen X มักใช้งานช่องทางโซเชียลมีเดียหลากหลายช่องทาง โดย 95% ใช้ Facebook, 35% ใช้ LinkedIn และ 25% โพสต์บน Twitter เป็นประจำ
ข้อมูลจาก eMarketer ชี้ให้เห็นว่า 50% ของชาว Gen X นั้นมีความภักดีต่อแบรนด์ รายงานระบุว่า “หน้าที่การงานและการเลี้ยงดูลูกทำให้ Gen X จำนวนมากต้องอยู่ในช่วงชีวิตที่เร่งรีบ และอาจส่งผลให้มีแนวโน้มที่จะใช้เงินเพื่อความสะดวกสบายมากกว่า" ข้อมูลนี้ได้รับการสนับสนุนโดย Erin Winters รองประธานฝ่ายกลยุทธ์การตลาดของบริษัทการตลาดและเทคโนโลยีข้อมูลอย่าง Acxiom ซึ่งกล่าวว่า Gen X "ไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ใครๆ ก็ต้องให้คุณค่ากับความสะดวกบางอย่างหากช่วยประหยัดเวลาได้" หากคุณทำให้คนรุ่นที่ไม่ค่อยมีเวลานักมีชีวิตง่ายขึ้นได้ คุณจะสร้างความภักดีและได้ผลตอบแทนเป็นผู้ใช้ LTV สูง
มากกว่า 75% ของคน Gen X ดูวิดีโอดิจิทัลอย่างน้อยเดือนละครั้ง และกลุ่มนี้มีเป็นกลุ่มที่ชมวิดีโอถึง 1.5 พันล้านครั้งบน YouTube ทุกวัน งานศึกษา Think with Google พบว่าคน Gen X มักใช้ YouTube เป็นประจำเพื่อหวนระลึกถึงความหลัง (75%), ติดตามข่าวสารและเทรนด์ต่างๆ (86%) และเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ (73%) ซึ่งบ่งชี้ว่าโฆษณาวิดีโอเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเจาะคนกลุ่มนี้ในหลายช่องทาง Justine Bloome หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมของ Carat ซึ่งเป็นมีเดียเอเจนซี่ กล่าวว่า "Gen X ยังปรับตัวให้เข้ากับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำหลายอย่างได้อย่างรวดเร็วด้วย ซึ่งช่วยเร่งการเข้าถึงข่าวสาร ความบันเทิง และการเชื่อมต่อส่วนบุคคล เช่น VCR, CD, เครื่องเล่นเพลงดิจิทัลแบบพกพา และโทรศัพท์มือถือ พวกเขาเป็นผู้ใช้โซเชียลมีเดียกลุ่มแรกๆ” เธอกล่าวว่าสาเหตุนี้เองที่ทำให้คนกลุ่มนี้หันไปติดตามวิดีโอ YouTube "การคงความรู้สึกว่าตนเกี่ยวข้องและไม่ถูกละเลยเป็นสิ่งสำคัญต่อตัวตนของ Gen X ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คนกลุ่มนี้จะเลือกใช้ YouTube เพื่อติดตามเหตุการณ์ปัจจุบัน"
Rebecca Kowalewicz รองประธานฝ่ายดิจิทัลที่ Clearbridge Branding Agency เขียนบทความสำหรับ Forbes โดยกล่าวถึงประโยชน์ของการใช้รางวัลจูงใจสำหรับตลาดเป้าหมายนี้ว่า "การเข้าถึง Gen X ณ ที่ที่เราอยู่บนโลกออนไลน์, ใช้การโฆษณาแบบดั้งเดิม และเสนอโปรแกรมสะสมแต้มและความภักดี ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยสร้างสมดุลระหว่างสองขั้วของ Gen X/Boomer และ Gen X/Millennial ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวกำหนดลักษณะของคนในรุ่นที่ไม่เหมือนใครนี้" คุณสามารถใช้โปรแกรมสะสมแต้มและรางวัลจูงใจที่คล้ายคลึงกันเพื่อรักษาลูกค้า Gen X ไว้และสร้างความภักดีต่อแบรนด์เมื่อเวลาผ่านไป
Millennial ใช้จ่ายประมาณ 6 แสนล้านดอลลาร์ต่อปีในสหรัฐอเมริกาและ 71% ของคนรุ่น Millennial ซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านมือถือเป็นประจำ
Millennial ต้องการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ผ่านคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของตน ไม่ใช่แค่ผ่านวิธีการโฆษณาแบบดั้งเดิมเท่านั้น อันที่จริง 84% ของชาว Millennial ไม่ไว้ใจโฆษณาแบบดั้งเดิม คุณสามารถสร้างความไว้วางใจด้วยการสร้างคอนเทนต์และการตลาดผ่านอินฟลูเอ็นเซอร์แทน ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเห็นแบรนด์ของคุณและจะสร้างชื่อเสียงโดยการมีส่วนเกี่ยวข้องกับอินฟลูเอ็นเซอร์ในโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มเป้าหมายของคุณ
2. รีวิวออนไลน์สำคัญต่อชื่อเสียงและรายได้ของแบรนด์
ตัวชี้วัดคุณภาพ เช่น รีวิวจากผู้ใช้ออนไลน์อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นยอดขายและเพิ่ม Retention ในกลุ่มคนรุ่น Millennial และคุณควรกระตุ้นให้ผู้ใช้เขียนรีวิวสินค้าของคุณผ่านการตลาดทางอีเมล วิธีนี้จะช่วยผู้ใช้สามารถแสดงความคิดเห็น รวมถึงแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณใส่ใจเกี่ยวกับประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับตั้งแต่ต้นจนจบ
ในเมื่อชาว Millennial มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่คุ้นเคยและไว้วางใจมากกว่าสิ่งอื่นใด การรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้คงเส้นคงวาจึงมีความสำคัญกว่าที่เคย ซึ่งรวมถึงการโฆษณาทั้งหมด ไม่ว่าจะบนช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เว็บไซต์ แอปมือถือ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณ โดยจะช่วยรักษาผู้ใช้และกระตุ้นให้เกิดการติดตั้งแบบออร์แกนิก
Generation Z เติบโตมาโดยที่สามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟน อินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดียได้ คนรุ่นนี้มีความเข้าใจในเทคโนโลยีเหล่านี้ติดตัว ซึ่งคุณสามารถใช้ประโยชน์ได้ ความรับผิดชอบต่อสังคมและศีลธรรมก็มีส่วนในการซื้อสินค้าออนไลน์ของชาว Gen Z โดย 70% ของคนรุ่นนี้เลือกที่จะซื้อสินค้าจากบริษัทที่ตนเห็นว่ามีจริยธรรม และมีแนวโน้มมากกว่าคนรุ่นก่อนถึง 3 เท่าที่จะเชื่อว่าบริษัทควรมีบทบาทในการทำให้สังคมดีขึ้น อีก 61% ของชาว Gen Z ยินดีที่จะจ่ายมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีจริยธรรมและใส่ใจความยั่งยืน
ชาว Gen Z กว่าครึ่ง (58%) ยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับสินค้าที่เจอกลุ่มคนที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงตรงกับตัวเอง หากต้องการเจาะกลุ่มชาว Gen Z การปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการกระตุ้นยอดขายและเพิ่มอัตรา Retention สำหรับช่องทางการตลาด เช่น รายชื่อผู้สมัครรับจดหมาย การปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลยังช่วยเพิ่มอัตราการเปิดและเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ได้อีกด้วย
ชาว Gen Z กลุ่มใหญ่ถึง 69% คิดว่าโฆษณาเป็นสิ่งรบกวนและ 52% เชื่อถืออินฟลูเอ็นเซอร์บนโซเชียลมีเดียมากกว่าหากเป็นเรื่องของสินค้าและคำแนะนำเกี่ยวกับแบรนด์ เช่นเดียวกับชาว Millennial การตลาดด้วยอินฟลูเอ็นเซอร์เป็นวิธีที่ได้ผลดีในการทำตลาดกับชาว Gen Z อันที่จริง 76% ของชาว Gen Z ติดตามอินฟลูเอ็นเซอร์บนโซเชียลมีเดีย โดย 45% ติดตามมากกว่า 10 คน
ชาว Gen Z ใช้เวลาโดยเฉลี่ยไม่ถึง 3 ชั่วโมง ไปกับโซเชียลมีเดียในแต่ละวัน มากกว่าค่าเฉลี่ยของชาว Millennial เกือบ 1 ชั่วโมง คนรุ่นนี้มีแนวโน้มที่จะทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าใหม่บนโซเชียลมีเดียมากกว่า โดย 54% ของชาว Gen Z กล่าวว่าโซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อพวกเขามากกว่าช่องทางการตลาดอื่นๆ เมื่อคุณพัฒนากลยุทธ์การตลาดบนโซเชียลมีเดีย คุณจำเป็นต้องสร้างลักษณะจำลองตัวตนเพื่อให้ผู้จัดการของคุณปฏิบัติตาม โดยขึ้นอยู่กับลักษณะสินค้าและวิธีที่คุณต้องการใช้โซเชียลมีเดีย
Write a Comment