บทความพิเศษ: ครบรอบ 10 ปี iPhone สมาร์ทโฟนที่เปลี่ยนโลกมือถือไปตลอดกาล

บทความพิเศษ: ครบรอบ 10 ปี iPhone สมาร์ทโฟนที่เปลี่ยนโลกมือถือไปตลอดกาล

“โทรศัพท์ที่เปลี่ยนโลกของโทรศัพท์ไปตลอดกาล (The phone that has changed phones forever.)” คือคำนิยามที่ดีที่สุดคำหนึ่งสำหรับ iPhone โทรศัพท์เครื่องนี้ไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงวงการมือถือ แต่ยังรวมไปถึงการใช้ชีวิตของผู้คน, การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และโลกหลังจากไอโฟนเกิดขึ้นมานั้น ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

29 มิถุนายน 2007 หรือวันนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว คือวันแรกที่แอปเปิลเปิดขาย iPhone หลายคนจึงถือว่าวันนี้คือวันเกิดของ iPhone นั่นเอง ทีมงาน MacThai จึงขอรวบรวมเรื่องราว, ประวัติการสร้าง และสถิติที่ iPhone ได้สร้างไว้ ให้ได้รับชมกันครับ

กำเนิด iPhone

ย้อนกลับไป 2 ปีก่อนหน้านั้น เมื่อปี 2005 iPod กำลังขายดีสุดๆ แต่สตีฟ จ็อบส์เริ่มกลัวเพราะรายได้ 45% ของแอปเปิลมาจาก iPod + iTunes เขามองไว้แล้วว่าวันนึงโทรศัพท์ทุกเครื่องจะมาแทน iPod

แอปเปิลไปร่วมมือทำมือถือกับ Motorola สุดท้ายได้รุ่น ROKR ออกมา และห่วยระเบิด เพราะแอปเปิลไม่ได้ทำฮาร์ดแวร์เอง ทำแค่ iTunes จ็อบส์ถึงกับบ่นว่า “I’m sick of dealing with these stupid companies like Motorola”

คืนหนึ่ง วิศวกรของไมโครซอฟท์ฉลองวันเกิดครบ 50 ปี พอดีสนิทกับภรรยาของจ็อบส์ ก็เลยชวนจ็อบส์และบิลเกตส์ก็มางานด้วย ปรากฏลูกน้องของเฮียบิลแกโชว์ Microsoft Tablet PC มากไปหน่อยจนจ็อบส์รำคาญ

เช้าวันต่อมาจ็อบส์รีบไปที่ออฟฟิศและทุบโต๊ะบอกทีมงานว่า “เราจะทำแท็บเล็ต !!”

ทีมงานผู้สร้าง iPhone – Phil Schiller, Tony Fadell, Jony Ive, Steve Jobs, Scott Forstall, Eddy Cue

ในตอนนั้น (2005) แอปเปิลเลยมีโครงการลับ 2 อัน 1. iPhone ที่ใช้ Click Wheel กับ 2. Tablet ที่ใช้จอ Multi-Touch

ทีมงานพบว่าการเอา Click Wheel มาใช้กับโทรศัพท์นี่เป็นไอเดียที่แย่มาก โดยเฉพาะตอนจะโทรออกแบบกดทีละเบอร์

Jony Ive มองออกว่า Multi-Touch เป็นทางออก เลยค่อยๆ ทำอุปกรณ์ตัวอย่างจนเกือบเสร็จแล้วไปโชว์ให้จ็อบส์ดู มันดูดีมากจนจ็อบส์บอกว่า “This is the future”

จ็อบส์ไม่คิดว่าบริษัทจะทำทั้ง 2 โครงการไปพร้อมกันได้ จึงสั่งหยุดโครงการแท็บเล็ตไปก่อน แล้วเดินหน้าไอโฟนเต็มร้อย

แต่โครงการ iPhone Click Wheel ก็ยังคงทำต่อไป ตอนนี้เลยทำสองไอโฟนคู่กันคือ Click Wheel กับ Multi-Touch (codename P1 และ P2)

แอปเปิลไปแอบซื้อบริษัท FingerWorks เงียบๆ เพราะบริษัทนี้แหล่ะที่มีสิทธิบัตร Multi-Touch อยู่ (และก็ใช้ฟ้องชาวบ้านอยู่ตอนนี้)

6 เดือนผ่านไป ทุกคนลงความเห็นว่า Click Wheel ไม่เวิร์ค ตอนนี้เลยเหลือแค่ไอโฟน Multi-Touch ที่เดินหน้าเต็มสูบ

ปัญหาหลักคือจ็อบส์เกลียดพลาสติก และอยากได้จอที่เป็นกระจก เพราะทำให้รู้สึกดีกว่า (สมัยนั้นจอโทรศัพท์หรือแม้แต่ iPod เป็นพลาสติกหมด)

จ็อบส์ใช้เส้นสายจนไปได้บริษัท Corning Glass ใน NY หาวิธีทำกระจกแบบพิเศษให้จนสำเร็จ เรียกกันว่า “Gorilla Glass”

Scoot Forstall ได้รับมอบหมายให้หาทีมงานมาร่วมโปรเจ็คไอโฟน ซึ่งเป็นความลับขั้นสุดยอด โดยโปรเจ็คไอโฟนนี้ใช้ทีมงานมากถึง 1,000 คน

จ็อบส์วางเดิมพันอนาคตของบริษัทไว้กับโปรเจ็คไอโฟน เพราะต้องใช้ทีมงานเยอะมาก ถึงขนาดต้องยอมให้โปรเจ็คอื่นคนน้อยลง และเลื่อนวันเปิดตัวออกไป เพื่อโทรศัพท์เครื่องเดียว

นี่คือภาพของต้นแบบ iPhone รุ่นแรก โดยมีอุปกรณ์หน้าจอสัมผัส, ต่อสายเข้ากับแมครุ่นเก่า ที่จำลองความเร็วเครื่องให้ช้าลง มีการต่อจอเพื่อแสดงภาพ, ลำโพง, โมเด็มสำหรับรับคลื่น และหูฟังสำหรับใช้โทรศัพท์ได้จริงๆ

กว่า 9 เดือนของโครงการนี้ เวลาผ่านไปถึงปี 2006 ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจนเกือบสำเร็จ แต่แล้วเช้าวันนึงจ็อบส์ก็เดินมาบอก Ive ว่า เขานอนไม่หลับทั้งคืน เพราะรู้สึกว่าดีไซน์ของไอโฟนตอนนี้ ยังไม่ใช่ดีไซน์ที่ถูกต้อง

จ็อบส์ต้องการยกเลิกสิ่งที่ทำมา 9 เดือนทิ้งไป เริ่มใหม่ทั้งหมด !!

ดีไซน์แรกของไอโฟนได้แรงบันดาลใจมาจาก iPod คือมีเคสเป็นอะลูมิเนียมแต่มีขนาดใหญ่คลุมมาถึงหน้าเครื่อง และจอมีขนาดเล็กเกินไป

จ็อบส์โชว์เทพปลุกใจทีมงานทุกคนว่า “We’re all going to work nights and weekend”, “It was one of my proudest moment at Apple”

ทีมงานใช้เวลาทั้งหมดที่เหลือ ทำงานอาทิตย์ละ 7 วัน วันละกว่า 15 ชั่วโมง จนไอโฟนเสร็จทันเปิดตัวในงาน Macworld ปี 2007

จ็อบส์เข้าไปดูทุกอย่าง และเป็นคนตัดสินใจเรื่องสำคัญอย่างการใช้ sensor เปิดปิดเครื่องเวลาเอาแนบหู, แบตที่เปลี่ยนไม่ได้, กดลากเพื่อเปิดล็อก (Swipe to Open)

คาดกันว่าแอปเปิลใช้เวลาวิจัยและพัฒนา iPhone รุ่นแรกถึง 30 เดือน หมดงบประมาณไปกว่า 4,500 ล้านบาท เพื่อโทรศัพท์เครื่องนี้เครื่องเดียว

เปิดตัว iPhone ในงาน MacWorld

ในที่สุดไอโฟนก็ได้เปิดตัวในงาน Macworld ปี 2007 จ็อบส์เชิญทีมงานทุกคนที่เคยทำ Macintosh เมื่อปี 1984 มาด้วย รวมทั้ง Steve Wozniak

แอปเปิลไม่เพียงเปิดตัวโทรศัพท์มือถือ แต่ยังทำการเปลี่ยนชื่อบริษัท จาก Apple Computer Inc. เป็น Apple Inc. เพื่อเป็นการบอกกับโลกว่า แอปเปิลไม่ใช่แค่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อีกต่อไปแล้ว

การเปิดตัว iPhone ในปี 2007 ถูกจัดเป็น Keynote ที่ดีที่สุดตลอดกาลของสตีฟ จ็อบส์ โดยเฉพาะมุขโทรหาพนักงาน Starbucks

iPhone เข้ามาเปลี่ยนแปลงการใช้งานโทรศัพท์ครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้นิ้วสัมผัสกับจอ แทนที่จะใช้ Stylus หรือปุ่มกด, ระบบ Multi-Touch, เซ็นเซอร์จับการหมุนแนวตั้งแนวนอนของโทรศัพท์, เซ็นเซอร์ตัดระบบสัมผัสเมื่อนำเครื่องมาแนบหู, Full Web Browser บนโทรศัพท์

ต่อมาแอปเปิลเป็นรายแรกๆ ที่ได้เพิ่มความสามารถเข้าไปในโทรศัพมือถืออย่างเช่นระบบซื้อขายแอพผ่าน App Store, การพูดคุยแบบเห็นหน้าผ่าน Facetime, ระบบผู้ช่วยและสั่งการด้วยเสียงอย่าง Siri

โฆษณาแรกของไอโฟนมีชื่อว่า “Hello” ออกอากาศครั้งแรกและครั้งเดียวในช่วงพักของการประกาศผลรางวัลออสการ์ในปี 2007

“Hello” เป็นคำที่แอปเปิลใช้ในการเปิดตัว Macintosh และ iMac ซึ่งเป็นการนำเสนอล้อไปกับธีมเดิม และการออกอากาศเพียงครั้งเดียวก็เหมือนกับโฆษณา Macintosh ชุดในตำนานเมื่อ 1984

สตีฟ จ็อบส์เผยว่า นี่คือ Keynote ครั้งที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทแอปเปิล

โลกหลัง iPhone

ในแง่นวัตกรรมนั้น ไม่มีใครสงสัยว่า iPhone รุ่นแรกคือการเปลี่ยนโลกอย่างแท้จริง

จากโลกที่ทุกคนใช้โทรศัพท์มีปุ่ม (Nokia, Black Berry) ใช้โทรศัพท์แบบที่มีปากกาเพื่อจิ้มหน้าจอ (PDA Phone) ตั้งแต่นั้นมาพวกเราก็ได้ใช้โทรศัพท์ที่มีแต่เพียงหน้าจอเพียงอย่างเดียว และใช้นิ้วในการสัมผัส

จากโลกอินเทอร์เน็ตบนมือถือที่ต้องเข้าผ่านเว็บขนาดย่อ (WAP) กลายมาเป็นเข้าเว็บแบบเต็มๆ บนมือถือ

จากโลกที่ทุกคนซื้อโปรแกรมผ่านหน้าร้าน ผ่านเว็บของแต่ละค่าย กลายมาเป็นระบบ App Store ทุกแอพรวมอยู่ในที่เดียว จ่ายเงินแค่จุดเดียว

สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือแอปเปิลนอกจากจะสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ขึ้นมาแล้ว ยังสามารถทำกำไรจากการขาย iPhone มาได้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่เคยตั้งเป้าแค่ 1% ของยอดขายโทรศัพท์ทั่วโลก ทุกวันนี้ iPhone ยังคงเป็นโทรศัพท์รุ่นที่ขายดีที่สุดในโลกอยู่ และยอดขายก็เพิ่มขึ้นทุกปี

สรุปยอดขาย iPhone ในแต่ละปี (ไม่ใช่ยอดสะสม แต่เป็นยอดขายตลอดทั้งปี)

2007 – 6 ล้านเครื่อง

2008 – 20 ล้านเครื่อง

2009 – 32 ล้านเครื่อง

2010 – 44 ล้านเครื่อง

2011 – 72 ล้านเครื่อง

2012 – 125 ล้านเครื่อง

2013 – 150 ล้านเครื่อง

ปัจจุบันไอโฟนเป็นมือถือที่ขายดีที่สุดในโลก ทำกำไรมากกว่าครึ่งหนึ่งของโทรศัพท์ทุกรายรวมกัน ได้รางวัลทั้งในเรื่องของ Innovation รวมถึงการออกแบบจากแทบทุกสถาบัน และเป็นที่ยอมรับกันว่า iPhone ได้ทำการเปลี่ยนแปลงวงการโทรศัพท์มือถือไปตลอดกาล

เรียบเรียงโดย

ทีมงาน

Write a Comment