พัฒนาการของ CPU บน Smartphone ในปี 2018
สวัสดีครับ พบกับผมเช่นเคย ปีเตอร์กวง ควงมือถือ พิธีกรรายการ “ล้ำหน้าโชว์” ซึ่งรายการนี้ผลิตและสร้างสรรค์โดย บริษัท ล้ำหน้าโชว์ จำกัด ที่เราทั้งสาม (พี่หลาม ปีเตอร์กวง อาจารย์ศุภเดช) ได้ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ด้วยกันเพื่อให้ผู้ชมได้บริโภคสาระดีๆ ที่ให้ความรู้ด้านไอทีและเทเลคอม บวกกับความบันเทิงตามสไตล์แบบของพวกเราไปด้วย โดยออกอากาศทางช่อง Nation Channel (เนชั่นแชนแนล) รับชมได้ที่ช่อง 22 ทั้งทางทีวีดิจิตอลและทีวีดาวเทียม ทุกวันอาทิตย์ ออกอากาศสดเวลา 14:00-15:00 อยากให้ติดตามกันเยอะๆ นะครับ แล้วบ่ายวันอาทิตย์ของคุณ จะมีความหมายมากกว่าเดิม… เพื่อไขข้อข้องใจและเก็บตกข่าวคราวความเคลื่อนไหวในวงการเทเลคอม ทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ สำหรับบทความนี้มาพูดกันเรื่อง พัฒนาการของ CPU บน Smartphone ปี 2018
ในการพัฒนาหน่วยประมวลผลของ Smartphone วันนี้นั้น นักพัฒนาได้มาถึงจุดที่ CPU ต้องทำหน้าที่มากมายหลายอย่าง โชคดีที่การพัฒนาการออกแบบ CPU ในวันนี้ มาเป็นแบบ SoC กันไปหมดแล้ว (SoC = System on Chip คือการที่ Chip CPU ตัวเดียวแต่บรรจุส่วนต่างๆ ที่จำเป็นไว้ในที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นส่วน WiFi, LTE Modem, Bluetooth, Camera ISP, DSP, Audio Chip, Display Controller, Sensor Control เป็นต้น ทำให้ประหยัดพื้นที่บนหน้า Mainboard ไปได้มาก)
โดย SoC ได้ก้าวมามีบทบาทในวงการผลิต Silicon Chip มาได้หลายปีแล้ว ทำให้การพัฒนา CPU สำหรับ Smartphone เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ซึ่งปกติแล้วส่วนใหญ่ของ CPU Smartphone ก็จะประกอบไปด้วย CPU (หน่วยประมวลผลกลาง) + GPU (หน่วยประมวลผลเฉพาะด้านกราฟฟิค) ซึ่งเห็นได้ใน CPU ทั่วไปที่ใช้กับสมาร์ทโฟนวันนี้ ซึ่ง CPU ก็อาจจะมีหน่วยประมวลแบบหลายแกน โดยทีตั้งแต่ 2 แกน, 4 แกน, 6 แกน, 8 แกน, 10 แกน เป็นต้น ส่วน GPU ล่าสุดก็มีหน่วยประมวลผลหลายแกน สูงสุดอยู่ที่ 12 แกน จนล่าสุดก็ได้มีการพัฒนาหน่วยประมวลผลอีกส่วนเข้าไปร่วม ได้แก่ NPU (Neural Processing Unit) พูดง่ายๆ ก็หน่วยประมวลผลทางด้าน AI (Artificial Intelligent) หรือจะเรียกว่าเป็นหน่วยประมวลผลแบบปัญญาประดิษฐ์ ที่จะช่วยให้สมาร์ทโฟนได้ช่วยในการคิดการประมวลผลแทนคน ในการใช้งานต่างๆ เช่น การนำไปใช้กับการถ่ายภาพ ช่วยให้การปรับโหมดการถ่ายภาพได้ฉลาดล้ำลึกกว่าการปรับแบบอัตโนมัติ การสืบค้นหาข้อมูลในเครื่องอย่างรวดเร็วด้วยภาพ หรือคุณลักษณะต่างๆ รวมถึงการรับฟังคำสั่งด้วยเสียงจากผู้ใช้ หรือแม้แต่การเข้าใจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนของผู้ใช้ แล้วทำการปรับแต่งประสิทธิภาพการทำงานของ CPU และการจัดการหน่วยความจำให้สัมพันธ์กัน เพื่อไม่ให้ประสิทธิภาพของเครื่องตกลงไป เป็นต้น จะเห็นว่า CPU สำหรับสมาร์ทโฟนในยุคใหม่นี้มีความชาญฉลาดกว่าเมื่อก่อนไปมากแล้ว
หลายๆ คนถามว่า การที่เราเห็นพัฒนาการของ CPU บนสมาร์ทโฟนออกมาอย่างต่อเนื่องมากมาย มันช่วยให้สมาร์ทโฟนเราดีขึ้นด้วยจริงหรือไม่ หรือแค่เกมการตลาด แน่นอนการพัฒนา CPU รุ่นใหม่ๆออกมานั้นย่อมมาพร้อมประสิทธิภาพที่สูงขึ้น เทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวหน้ามากขึ้น ไม่เช่นนั้นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนต่างๆ ก็คงไม่จัดซื้อจัดหาไปเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเป็นแน่แท้ อาทิเช่น CPU ในระดับเรือธง Hi-End ของทางค่าย Qualcomm อย่าง Snapdragon 845 ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว เป็นการมาแทนที่ CPU ตัวท็อปของค่ายอย่าง Snapdragon 835 ที่ออกมาปีก่อน (ออกมาปีละหน) ซึ่งต้องบอกว่า Snapdragon 845 ถือว่าเป็น CPU ที่ทำงานประมวลผลได้เร็วและแรงที่สุดในโลกตอนนี้ (แต่เดี๋ยวก็อาจจะมีคู่แข่งออกมาสู้ตาม) โดยใช้สถาปัตยกรรม เทคโนโลยีในการผลิตระดับ 10 นาโนเมตรเท่านั้น ซึ่งถือว่าเล็กที่สุดในตอนนี้ ทำให้ประสิทธิภาพการกินพลังงานไฟฟ้าลดลง แต่ประสิทธิภาพในการคำนวณเร็วขึ้น ในภาพรวม ในรายละเอียดปลีกย่อย สิ่งที่เราจะเห็นมีมากกว่านั้นสำหรับพัฒนาการใน CPU รุ่นใหม่ อาทิเช่น
• การทำงานด้านกราฟฟิคเร็วขึ้นกว่าเดิม ทำให้เราสนุกกับการเล่นเกมใหม่ที่มีลักษณะเป็นกราฟฟิค 3D (เช่น ROV, Linage II Revolution เป็นต้น) หรือแม้แต่การทำงานและประมวลผลแบบ XR (Extended Reality) ที่ประกอบไปด้วยส่วนของ AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) นั่นเอง สิ่งนี้กำลังเป็น Trend ที่สำคัญของการใช้ประโยชน์จากสมาร์ทโฟนทั้งสิ้น
• 4G LTE และ WiFi ที่เร็วขึ้นไปอีก ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดบน Chip อย่าง Snapdragon 845 จะทำให้สมาร์ทโฟนนั้นมีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1.2 Gbps (บนระบบที่รองรับ) และ WiFi บนมาตรฐานล่าสุด 802.11 ad
• ระบบ Machine Learning ที่ฉลาดกว่าเดิม ด้วยระบบ AI ที่ก้าวหน้า NPU จะเป็นตัวช่วยในการคิดการวิเคราะห์ แยกแยะสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง อาทิเช่น การแยกแยะวัตถุในโหมดการถ่ายภาพออก ระหว่าง มนุษย์ แมว สุนัข หรือ ตุ๊กตา เป็นต้น
• Wireless Audio ที่ดีขึ้นกว่า ล่าสุดทาง Qualcomm ได้ทำการพัฒนาระบบการส่งข้อมูล Audio ผ่านทาง Bluetooth ได้ดีกว่าเดิมทำให้ประหยัดพลังงานและทำให้ระบบเสียงส่งผ่านแบบไร้สายได้คุณภาพที่ดีกว่าเดิมด้วย WCD934x Codec (Aqstic Audio)
• ระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ปลอดภัยกว่าที่เคยเป็น ด้วยการออกแบบใหม่ของ Qualcomm ได้ใส่หน่วยที่เรียกว่า SPU (Secure Processing Unit) เข้าไป เพื่อเป็นที่เก็บข้อมูลของรหัสผ่าน ข้อมูลแบบ Biometric เช่น ลายนิ้วมือที่ใช้สแกนเครื่อง ข้อมูลใบหน้าสำหรับการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อค หรือแม้แต่ข้อมูลของการใช้ในการทำธุรกรรมอย่าง Mobile Payment เป็นต้น ทำให้แน่ใจว่าข้อมูลที่สำคัญเหล่านั้นจะไม่ถูกแฮ็คออกไปได้
• ภาพถ่ายที่คมชัดกว่าที่เคยเป็น และการบันทึกภาพวิดีโอแบบ HDR รวมถึงภาพวิดีโอแบบ Super Slow Motion ด้วยหน่วยประมวลผลของ ISP (Image Signal Processor) ที่ทำหน้าที่ในการประมวลผลภาพ เพื่อให้ภาพออกได้มีความสมจริงมากที่สุดทั้งสภาพสีและแสงของภาพที่เราถ่ายมาได้ ภาพวิดีโอแบบ HDR ทำให้ภาพที่เห็นนั้นสามารถแยกแยะรายละเอียดได้เป็นอย่างดีกว่าที่เคยเป็นมาก่อน และยังมีภาพวิดีโอแบบ Slow Motion ที่ทำได้ในระดับ 480 fps, 960 fps ในความละเอียดระดับ HD กันเลยทีเดียว
การแข่งขันของผู้ผลิต CPU สมาร์ทโฟนในวันนี้ ใครเป็นผู้นำที่แท้จริงกันแน่
ปัจจุบันการแข่งขันในการพัฒนา CPU Chipset ในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนนั้นก็มีอยู่หลายราย เช่น Qualcomm (Snapdragon), Samsung (Exynos Series), Apple (Ax-Series), Mediatek (Helio Series), Huawei (HiSilicon), Spreadtrum เป็นต้น โดยแน่นอนว่าผู้นำอย่าง Qualcomm นั้นยังถือครอง Market Share (ในแง่มูลค่า) สูงสุดในโลกตอนนี้ รองมาก็คือ Apple เพราะลำพังผลิตให้ตัวเองอย่างเดียวก็มหาศาลอยู่แล้ว และตามมาด้วย Mediatek ที่ครองอันดับ 3 ได้ด้วยยอดสั่งซื้อที่มาจากผู้ผลิตจีนเสียส่วนใหญ่ (เป็นพวกสมาร์ทโฟนระดับ Low End ทั้งนั้น)
โดย CPU Smartphone ระดับ Hi-End จะมาจาก Qualcomm (Snapdragon 835, 845) เป็นอันดับหนึ่ง รองลงไปก็เป็น Apple A-Series chipset, Samsung Exynos Series ตัว Hi-End ส่วน Mediatek นั้น ตัวท็อปอย่าง Helio X30 นั้นมีประเด็นเรื่องของ ความสามารถใน LTE Modem Chip นั้นยังไม่ถึงตามมาตรฐานที่ Operator รายใหญ่ๆของ สหรัฐ, ญี่ปุ่น, ยุโรป, จีน ต้องการ ทำให้ Helio X30 ไม่สามารถแข่งขันได้อย่างที่คาดหวังไว้ แม้ CPU ตัวนี้จะมีหน่วยประมวลถึง 10 แกนสมองก็ตาม ขณะที่ผู้บริหารของ Mediatek ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะหยุดการเปิดตัว CPU Hi-End ระดับนี้ไป 2 ปี เพื่อที่จะไปปรับกระบวนยุทธการแข่งขันเสียใหม่ ในขณะที่ตอนนี้ก็ไปเน้น CPU ตัวกลางๆ ถึงล่างที่ยังครองตลาดไว้ได้อย่างเหนียวแน่นต่อไป
ตรงกันข้ามกับ Qualcomm ที่ล่าสุดได้มีการประกาศการเซ็น MoU ร่วมกับยักษ์ใหญ่สมาร์ทโฟนจากจีน อย่าง OPPO, vivo, Xiaomi, Lenovo ว่าด้วยเรื่องการจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนต่างๆ จาก Qualcomm เพื่อใช้ในการผลิตสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็น CPU จนถึงส่วนของ RF หรือภาครับภาคส่งสัญญาวิทยุ จากเทคโนโลยี 4G ไปจนถึง 5G ด้วยมูลค่าประมาณการณ์กว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จและความก้าวหน้าของ Qualcomm ในการเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี CPU และการสื่อสารไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟนโลกในวันนี้และอนาคตข้างหน้า
เอาจริงๆ แล้วการเลือกใช้ว่าจะใช้ CPU อะไรดีจากสมาร์ทโฟนที่คุณเลือกซื้อ มันเจาะจงตายตัวค่อนข้างยาก บางครั้งสมาร์ทโฟนระดับ Hi-End ที่คุณต้องการ อาจจะไม่ได้ใช้ CPU ตัวที่คุณอยากเล่นอยากลองก็เป็นได้ แต่ในทางกลับกันงบประมาณสำหรับการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนของคุณก็เป็นทางที่จะบอกว่าคุณจะได้สมาร์ทโฟนที่มี CPU ระดับไหนกันได้บ้าง ถ้ามองเป็นช่วงราคาก็จัดออกมาได้ดังนี้
• สมาร์ทโฟนที่ใช้ CPU ระดับสูง (พวก Snapdragon 835, 845, 821) ก็จะมีระดับราคาอยู่ช่วงตั้งแต่ 15,900 – 33,900 บาท แปรผันกันไปแล้วแต่ยี่ห้อ แล้วแต่หน่วยความจำที่ใส่เข้ามาในเครื่องหรือฟีเจอร์อื่นๆ ที่ประกอบเช่น หน้าจอระดับ Hi-End หรือกล้องคู่หน้าหลัง อาทิเช่น Samsung Galaxy S8, S9, Note 8 (ที่ขายในอเมริกา), Sony Xperia XZ Premium, Xiaomi Mi Mix 2, Xiaomi Mi 6, Google Pixel 2, LG V30, Nokia 8, HTC U11, Nubia Z17s เป็นต้น เหมาะกับคนที่ต้องการความแรง (สุดๆ) กล้องเทพ ความเร็ว 4G LTE สูงสุด เล่นเกมอะไรๆ ก็ได้ตลอดไหลลื่น และอะไรๆ ที่เป็นที่สุดในทุกด้าน
• สมาร์ทโฟนที่ใช้ CPU ระดับกลาง (พวก Snapdragon 670, 660, 653, 640, 630, 6xx series) ก็จะมีระดับราคาตั้งแต่ 8,990 – 18,900 บาท แปรผันกันไปแล้วแต่ยี่ห้อ แล้วแต่หน่วยความจำที่ใส่เข้ามาในเครื่อง หรือฟีเจอร์อื่นๆ ที่ประกอบเช่น หน้าจอระดับ Hi-End หรือกล้องคู่หน้าหลัง อาทิเช่น Nokia 7, vivo X20, Xiaomi Mi Note 3, OPPO R9s, OPPO R9s Plus, Samsung A9 Pro, Sony Xperia X, Vivo V3 Max เป็นต้น เหมาะกับคนที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่เล่นเกมได้สนุกๆ ไม่มีหน่วงให้กวนใจ ถ่ายภาพได้สวยงาม 4G LTE ระดับกลางถึงสูง อะไรๆ ก็สวยงาม เล่นผ่านทุกแอพฯ
• สมาร์ทโฟนที่ใช้ CPU ระดับกลาง – ล่าง (พวก Snapdragon 450, 435, 430, 4xx Series) ก็จะมีระดับราคาตั้งแต่ 4,990 – 9,990 บาท แปรผันกันไปแล้วแต่ยี่ห้อ แล้วแต่หน่วยความจำที่ใส่เข้ามาในเครื่อง หรือฟีเจอร์อื่นๆ ที่ประกอบเช่น หน้าจอระดับ Hi-End หรือกล้องคู่หน้าหลัง อาทิเช่น vivo V7+, Huawei Y7, OPPO A57, Nokia 5, Nokia 6 เป็นต้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสมาร์ทโฟนในราคาที่ไม่แพง แต่ได้ของที่ไม่ขี้เหล่ หน้าจอใหญ่ ถ่ายรูปสวย แต่เรื่องการเล่นเกมหนักๆ อย่าง ROV อันนี้ก็ต้องลองก่อนนะครับ อาจไม่ได้ดั่งใจคิด
• สมาร์ทโฟนที่ใช้ CPU ระดับล่าง (พวก Snapdragon 212, 210, 208, 205, 2xx Series) ก็จะมีระดับราคาตั้งแต่ 2,990 – 4,990 บาท แปรผันกันไปแล้วแต่ยี่ห้อ แล้วแต่หน่วยความจำที่ใส่เข้ามาในเครื่อง หรือฟีเจอร์อื่นๆ ที่ประกอบเช่น หน้าจอระดับ Hi-End หรือกล้องคู่หน้าหลัง อาทิเช่น Nokia 2, Nokia 3 เป็นต้น เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มใช้สมาร์ทโฟนเริ่มต้นเลย ในราคาที่ประหยัดและใช้งานในการสื่อสารต่างๆ อย่างพวก Social Network ได้สนุก เช่น Facebook, Line, Instagram, Twitter, WhatsApp เป็นต้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ผู้ใช้ ผู้บริโภคว่าต้องการสมาร์ทโฟนแบบไหน งบประมาณเท่าไร อะไรที่เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง หรือจะเลือกซื้อเพราะต้องการตัวท็อป อันนี้ก็แล้วแต่ผู้บริโภคที่จะเลือกซื้อ เลือกใช้ให้เหมาะสม และไม่เกินตัวนะครับ
สำหรับแฟนๆ ท่านใดที่มีคำถาม สามารถติดตามมาได้ที่ twitter ของผม @peter2514 นะครับ ส่วน facebook ตามมาได้ที่ Techoffside ถ้าจะติดตาม Instagram ก็ Search หา ID “peter2514” ได้นะครับ แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้านะครับ ขอบคุณทุกการติดตามครับ
Write a Comment