มือถือหาย ข้อมูลไม่หาย! มาดูวิธีปกป้องข้อมูลสำคัญ เมื่อมือถือหายหรือถูกขโมย
ปัจจุบันนี้ โลกของเราเป็นยุคไฮเทค แทบทุกคนจะมีมือถือเป็นของตัวเอง และด้วยความสามารถของมือถือที่ทำหน้าที่แทนสิ่งต่างๆได้เป็นอย่างดี เช่น บันทึกเอกสาร ฟังเพลง ถ่ายรูป ดูรายการทีวี โทรศัพท์ หรือแม้กระทั่งใช้แทนบัตรเครดิต (เช่น Apple Pay, Samsung Pay) ดังนั้นหลายๆคนจึงมักมีข้อมูลสำคัญอยู่ในมือถือไม่มากก็น้อย ซึ่งหากนำไปใช้อย่างถูกต้องก็จะเกิดประโยชน์แก่ผู้ใช้ แต่หากมือถือของเราไปอยู่ในมือของบุคคลอื่น เช่น ถูกขโมยไป หรือเราทำหายซะเอง เจ้าของมือถือก็จะกระวนกระวาย ห่วงข้อมูลที่อยู่ภายบในเครื่องเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นวันนี้ผู้เขียนจะมาบอกวิธีปกป้องข้อมูลของเราเอาไว้ให้ปลอดภัย 100% จากมือผู้ไม่หวังดี แต่เราอาจจะได้หรือไม่ได้มือถือคืน ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้นๆ ด้วยค่ะ
หากดูวิดีโอแล้วยังไม่เข้าใจ ดิฉันจะมาสอนวิธีใช้งานง่ายๆกันค่ะ
1.ก่อนอื่นเข้าไปที่ ในคอมพิวเตอร์ แล้วล็อกอินด้วยบัญชี Gmail ที่เราเคยล็อกอินในมือถือแอนดรอยด์ไว้ จากนั้นก็จะเห็นหน้านี้
เมื่อเลือกรุ่นมือถือเสร็จแล้ว เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้มือถือส่งเสียงดัง หรือล็อกและลบข้อมูลที่มีอยู่ในตัวเครื่อง (หากมีข้อมูลสำคัญ แนะนำให้ล็อกและลบโดยเร็วที่สุดค่ะ) หรือกดที่ปุ่มวงกลม (หมายเลข 3) เมื่อหาจุดพิกัดของมือถือของเราในขณะปัจจุบัน ซึ่งจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเราเปิด GPS ไว้นั่นเองค่ะ
เราสามารถตั้งค่าให้หน้าจอมือถือแสดงผลข้อความตามที่เราต้องการได้ เช่น เบอร์ติดต่อกลับ หากผู้ที่ได้มือถือของเราไป ไม่มีเจตนาที่จะขโมย ก็อาจจะได้รับมือถือคืนค่ะ โดยกดที่คำว่า Lock แล้วกรอกข้อมูลลงไปในช่องว่าง ตามภาพล่างค่ะ
สำหรับผู้ใช้ iOS ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้
ก็จบไปแล้วสำหรับแอนดรอยด์นะคะ คราวนี้มาดูที่ iOS กันบ้างค่ะ ฝั่งนี้ก็มีระบบติดตามเครื่องและปกป้องข้อมูลในเครื่องเช่นกัน ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Find My iPhone นั่นเอง โดยจะไม่ใช้บัญชี Gmail แต่จะใช้ iCloud แทน
ซึ่งโดยปกติผู้ใช้ iPhone, iPad จะมี iCloud กันทุกคนอยู่แล้ว ให้เราเข้าไปตั้งค่าดังนี้
ตั้งค่า > iCloud > ค้นหา iPhone ของฉัน (ใน iPad ก็ทำแบบเดียวกันค่ะ) + ส่งตำแหน่งที่ตั้งล่าสุด
กดเปิดใช้งานทั้ง 2 อย่างเลยนะคะ อันแรกคือเปิดฟีเจอร์ที่สามารถระบุตำแหน่งไอโฟนของเราได้ เมื่อเราทำมือถือหายหรือโดยขโมยไป อันที่สองคือก่อนที่แบตจะหมดไปเอง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากเราลืมมือถือไว้ที่ไหนสักที่แล้วหาไม่เจอ ระบบจะส่งพิกัดล่าสุดไปให้ Apple อัตโนมัติ และเราสามารถตรวจสอบได้โดยใช้ iPhone อีกเครื่อง หรือใช้ผ่านคอมพิวเตอร์ก็ได้เช่นกันค่ะ
เข้าไปที่ แล้วล็อกอินด้วย iCloud ที่ใช้ในไอโฟน จากนั้นเราก็จะเจอพิกัดของมือถือเราทันทีค่ะ (กรณีแบตเตอรี่ยังไม่หมดและเปิด GPRS ไว้)
แต่ถ้าเรามือถือของเราโดยขโมยไป เราก็ใช้ฟีเจอร์ส่งสัญญาณเสียง ลบข้อมูลในเครื่อง หรือตั้งโหมดสูญหายได้ค่ะ (โหมดสูญหายทำให้เครื่องติดไอคลาวด์)
และทีสำคัญ อย่าลืมใส่รหัสเครื่องหรือ Touch ID ด้วยนะคะ (สแกนลายนิ้วมือ) มันช่วยปกป้องเครื่องเราได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะถ้าหากถูกขโมยไป คนร้ายอาจจะต้องใช้เวลานานขึ้นเพื่อปลดล็อกมือถือของเรา อาจจะนำไปซ่อมหรือขายที่ร้านมือถือ ซึ่งเราสามารถหาเบาะแสคนร้ายได้โดยการแจ้งตำรวจ และแจ้งไปยังร้านขายมือถือต่างๆ ด้วยค่ะ
Write a Comment