วิวัฒนาการ iPhone ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน
วิวัฒนาการของ iPhone พาย้อนดูโทรศัพท์มือถือของแอปเปิลตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน ใครอยากรู้ว่า iPhone แต่ละรุ่นมีนวัตกรรมอะไรใหม่ ๆ บ้าง มาดูกันเลย
iPhone) เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้เชื่อว่าหลายคนทั้งนอกและในวงการเทคโนโลยีต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอน เพราะไอโฟนเป็นโทรศัพท์มือถือที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพลิกโฉมวงการมือถือ และได้กลายเป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมประจำปีจากนิตยสารไทม์ โดยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของไอโฟนรุ่นแรก ๆ เป็นโทรศัพท์มือถือแบบไร้ปุ่มกดหมายเลขโทรศัพท์ แต่จะมีเพียงปุ่มเดียวที่โดดเด่นรู้จักกันในชื่อปุ่มโฮม (Home) ส่วนการใช้งานจะสั่งการทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสแบบมัลติทัชบนระบบปฏิบัติการที่แอปเปิลพัฒนาขึ้นมาเองเรียกว่า iOS เป็นตัวขับเคลื่อนให้กับไอโฟน ปัจจุบันไอโฟนได้กลายเป็นโทรศัพท์มือถือในฝันของใครหลาย ๆ คนบนโลก
สำหรับไอโฟนรุ่นแรกถูกเผยโฉมโดย สตีฟ จ็อบส์ ในงานแมคเวิลด์ วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550 และวางจำหน่ายครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ปัจจุบันไอโฟนถูกผลิตออกมาและวางจำหน่ายไปแล้วมากมายถึงหลักสิบรุ่น ตั้งแต่ iPhone รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปรู้จักกับวิวัฒนาการของไอโฟนแต่ละรุ่น มีความโดดเด่นอย่างไรบ้าง มาติดตามกันเลย
ไอโฟน () เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้เชื่อว่าหลายคนทั้งนอกและในวงการเทคโนโลยีต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอน เพราะไอโฟนเป็นโทรศัพท์มือถือที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพลิกโฉมวงการมือถือ และได้กลายเป็นสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมประจำปีจากนิตยสารไทม์ โดยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของไอโฟนรุ่นแรก ๆ เป็นโทรศัพท์มือถือแบบไร้ปุ่มกดหมายเลขโทรศัพท์ แต่จะมีเพียงปุ่มเดียวที่โดดเด่นรู้จักกันในชื่อปุ่มโฮม (Home) ส่วนการใช้งานจะสั่งการทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสแบบมัลติทัชบนระบบปฏิบัติการที่แอปเปิลพัฒนาขึ้นมาเองเรียกว่า iOS เป็นตัวขับเคลื่อนให้กับไอโฟน ปัจจุบันไอโฟนได้กลายเป็นโทรศัพท์มือถือในฝันของใครหลาย ๆ คนบนโลก
iPhone (2G)
iPhone (2G)
บริษัทแอปเปิล ภายใต้การนำของสตีฟ จ็อบส์ ได้พลิกโฉมและสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการมือถือ เมื่อสตีฟ จ็อบส์ เผยโฉมโทรศัพท์มือถือตัวแรกของแอปเปิลนามว่า "ไอโฟน" ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ความสามารถของไอโฟนรุ่นแรก คือ ใช้เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งเอสเอ็มเอส ท่องอินเทอร์เน็ตผ่านทางซอฟต์แวร์ซาฟารี ค้นหาแผนที่ ฟังเพลง เชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 2.5G quad band GSM และ EDGE, Wi-Fi (802.11b/g) บลูทูธ 2.0 และกล้องถ่ายภาพ 2 ล้านพิกเซล ใช้ซีพียู 412 MHz ARM 11 หน่วยความจำภายใน 4GB/8GB/16GB มีหน้าจอ Capacitive 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320x480 pixel ส่วนตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียม พลาสติก และกระจก
สเปกของเด่น ๆ ของ iPhone (2G)
- หน้าจอ 3.5 นิ้ว
- ซีพียู 412 MHz ARM 11 และจีพียู PowerVR MBX
- หน่วยความจำภายใน 4GB/8GB/16GB
- กล้องหลัง 2 ล้านพิกเซล
- เชื่อมต่อ EDGE, Wi-Fi
- วัสดุอะลูมิเนียม พลาสติก และกระจก
iPhone 3G
iPhone 3G
iPhone 3G มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ มีความโค้งมนมากขึ้น ด้านหลังตัวเครื่องถูกเปลี่ยนเป็นสีดำล้วน มีความเงางามและใช้วัสดุเป็นพลาสติกกับกระจก สำหรับ iPhone 3G ถูกเปิดตัวเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ในงาน WWDC 2008 สำหรับความโดดเด่นของรุ่นนี้ถือว่าถูกพัฒนาไปไกลและดีขึ้นกว่าเดิม โดยรองรับการทำงานบนเครือข่าย 3G ด้านสเปกเหมือนกับ iPhone 2G แต่เพิ่มแรม 128MB ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น ส่วนหน่วยความจำลดเหลือ 8GB/16GB รวมถึงความสามารถในการใช้งานที่หลากหลายขึ้น และที่สำคัญ iPhone 3G มาพร้อมกับ App Store ที่สามารถโหลดแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้นั่นเอง และตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาว
สเปกเด่น ๆ ของ iPhone 3G
บริษัทแอปเปิล ภายใต้การนำของสตีฟ จ็อบส์ ได้พลิกโฉมและสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการมือถือ เมื่อสตีฟ จ็อบส์ เผยโฉมโทรศัพท์มือถือตัวแรกของแอปเปิลนามว่าที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ความสามารถของไอโฟนรุ่นแรก คือ ใช้เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งเอสเอ็มเอส ท่องอินเทอร์เน็ตผ่านทางซอฟต์แวร์ซาฟารี ค้นหาแผนที่ ฟังเพลง เชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 2.5G quad band GSM และ EDGE, Wi-Fi (802.11b/g) บลูทูธ 2.0 และกล้องถ่ายภาพ 2 ล้านพิกเซล ใช้ซีพียู 412 MHz ARM 11 หน่วยความจำภายใน 4GB/8GB/16GB มีหน้าจอ Capacitive 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320x480 pixel ส่วนตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียม พลาสติก และกระจก- หน้าจอ 3.5 นิ้ว- ซีพียู 412 MHz ARM 11 และจีพียู PowerVR MBX- หน่วยความจำภายใน 4GB/8GB/16GB- กล้องหลัง 2 ล้านพิกเซล- เชื่อมต่อ EDGE, Wi-Fi- วัสดุอะลูมิเนียม พลาสติก และกระจก
- แรม 128MB
- หน่วยความจำลดเหลือ 8GB/16GB
- ดาวน์โหลดแอปฯ ผ่าน App Store
- ตัวเครื่องมีทั้งสีขาวและสีดำ
iPhone 3GS
iPhone 3GS
iPhone 3GS ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นอีกรุ่นที่ได้กลายเป็นของสะสมของสาวกแอปเปิลหลาย ๆ คน สำหรับ iPhone 3GS เปิดตัวเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ที่งาน WWDC 2009 ด้านดีไซน์ของ iPhone 3GS ยังคงเหมือนกับ 2 รุ่นแรก เน้นความโค้งมนของขอบตัวเครื่อง ส่วนด้านสเปกถูกอัปเดตให้แรงขึ้นกว่าเดิม ใช้ซีพียู Cortex-A8 600MHz, แรม 256MB เพิ่มความละเอียดกล้องถ่ายภาพ 3.2 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัส ใช้นิ้วแตะเพื่อหาจุดโฟกัส ถ่ายวิดีโอได้ หน่วยความจำภายใน 8GB/16GB/32GB รวมถึงรองรับ 3G ความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps และแอปพลิเคชันพื้นฐานมากขึ้น เช่น Voice Control (สั่งงานด้วยเสียง)
สเปกเด่น ๆ ของ iPhone 3GS
- ซีพียูใหม่ Cortex-A8 600MHz, แรม 256MB
- จีพียู PowerVR SGX535
- กล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล โฟกัสได้
- หน่วยความจำ 8GB/16GB/32GB
- รองรับ 3G ความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps
- Voice Control (สั่งงานด้วยเสียง)
iPhone 4
iPhone 4
แอปเปิลกลับมาสร้างความฮือฮาให้กับแฟน ๆ อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว iPhone 4 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ในงาน WWDDC 2010 มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่แบบยกเครื่องทั้งหมด ใช้วัสดุหุ้มขอบด้วยสเตนเลสสตีลไร้ฉนวน ซึ่งทำหน้าที่เป็นเสาอากาศของเครื่อง ตัวเครื่องจะอยู่กึ่งกลางระหว่างกระจกอะลูมิโนซิลิเกตชนิดพิเศษที่เพิ่มความแข็งแรงวางไว้ 2 ด้านหน้า-หลัง ส่วนสเปกต่าง ๆ ถูกอัปเกรดให้แรงขึ้นกว่าเดิม ส่วนหน้าจอขนาดเท่าเดิม 3.5 นิ้ว แต่เพิ่มความละเอียดเป็น 960×640 พิกเซล และเรียกหน้าจอแบบใหม่นี้ว่า Retina Display จุดเด่นที่น่าสนใจของ iPhone 4 มาพร้อมกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน FaceTime หรือวิดีโอคอลผ่าน Wi-Fi คุยกันแบบเห็นหน้า และ iPhone 4 เป็นอีกรุ่นที่ขายดีมาก ๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยฮิตกันถล่มทลาย
สเปกเด่น ๆ ของ iPhone 4
- ซีพียู Apple A4 ความเร็ว 1GHz
- แรม 512MB
- กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- มีกล้องด้านหน้าสำหรับใช้งาน FaceTime
- หน้าจอ Retina Display ความละเอียดเป็น 960×640 พิกเซล
- ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด
iPhone 4S
iPhone 4S
หลังยุคของการจากไปของ สตีฟ จ็อบส์ ผู้นำคนสำคัญของแอปเปิล ดูเหมือนทิศทางของแอปเปิลจะเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อไม่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาเอาใจแฟน ๆ ทำให้การเปิดตัว iPhone 4S ถูกวิพากษ์วิจารณ์และส่งผลให้หุ้นของแอปเปิลตก iPhone 4S เปิดตัวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ในงาน Let's talk iPhone ที่สำนักงานใหญ่แอปเปิล และการมาของ iPhone 4S ทำให้เหล่าสาวกของแอปเปิลที่คาดหวังจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ต้องผิดหวังไปตาม ๆ กัน เมื่อหน้าตาของ iPhone 4S เหมือนกับ iPhone 4 จุดเด่นของ iPhone 4S มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 5 และ iCloud, กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และฟีเจอร์ใหม่ Siri ระบบสั่งงานด้วยเสียงที่เปรียบได้กับผู้ช่วยที่ทำหน้าที่ในการค้นหาและให้ข้อมูลในเรื่องต่าง ๆ และจุดนี้เองที่ทำให้ iPhone 4S แตกต่างจาก iPhone 4
สเปกเด่น ๆ ของ iPhone 4S
- ซีพียู Apple A5 Dual-core ความเร็ว 1GHz
- แรม 512MB
- หน่วยความจำสูงสุด 64GB
- กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ iOS 5 และ iCloud
- Siri ระบบสั่งงานด้วยเสียง
iPhone 5
iPhone 5
iPhone 5 เป็นอีกรุ่นที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ แต่ก็ยังไร้นวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่ดี โดย iPhone 5 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555 ความโดดเด่นของ iPhone 5 ดีไซน์ตัวเครื่องยังคงเอกลักษณ์คล้ายกับ iPhone 4/4S แต่แอปเปิลได้เปลี่ยนวัสดุใหม่เป็นอะลูมิเนียมและกระจก ส่งผลให้ iPhone 5 มีความบางของตัวเครื่องเพียง 7.6 มิลลิเมตร (บางกว่า iPhone 4S ถึง 18%) และมีน้ำหนักเพียง 112 กรัม ทำให้เบากว่าเดิมถึง 20% ด้านหลังตัวเครื่องใช้สีแบบทูโทน ส่วนหน้าจอถูกปรับขนาดเป็น 4 นิ้ว ความละเอียด 1,136x640 พิกเซล ความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ เช่น เปลี่ยนจากพอร์ต 30-pin เป็นพอร์ต Lightning, รองรับ 4G LTE, หูฟังแบบใหม่ Earpods, Nano-SIM และกล้องด้านหน้า 1.2 ล้านพิกเซล
สเปกเด่น ๆ ของ iPhone 5
- ซีพียู Apple A6 ความเร็ว 1.3GHz
- แรม 1GB
- รองรับ 4G LTE
- วัสดุแบบใหม่ อะลูมิเนียม ทำให้บางและน้ำหนักเบา
- กล้องด้านหน้า 1.2 ล้านพิกเซล
- หน้าจอขนาด 4 นิ้ว
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบใหม่ Lightning
- หูฟังรุ่นใหม่ Earpods
- Nano-SIM
iPhone 5s
iPhone 5s
iPhone 5s ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของ iPhone มาพร้อมชิป Apple A7 (28nm) ที่เป็นระบบ 64-bit ตัวแรกของโลก มีความเร็วกว่า iPhone ทุกรุ่นถึง 40 เท่า ด้านระบบกราฟิกเร็วขึ้นมากถึง 56 เท่า, แรม 1GB พร้อมแฟลชคู่ Dual LED รวมถึงกล้องที่ปรับปรุงใหม่เพิ่มลูกเล่นอีกมากมาย และไฮไลต์เด็ดของ iPhone 5S ก็คือระบบสแกนลายนิ้วมือที่แอปเปิลเรียกว่า "Touch ID Sensor"
สเปกเด่น ๆ ของ iPhone 5s
- ระบบปฏิบัติการ iOS 7
- ซีพียู Apple A7 แบบ 64-Bit ตัวแรกของโลก
- แรม 1GB
- กล้อง 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบทูโทน
- ระบบสแกนลายนิ้วมือ (Touch ID)
- แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม 10% รองรับ Standby ได้ 250 ชั่วโมง
- ตัวเครื่องมีสีใหม่ ได้แก่ สีทอง
iPhone 5c
iPhone 5C
จากข่าวลือและภาพหลุดตลอดระยะเวลาหลายเดือนเกี่ยวกับ iPhone รุ่นราคาถูก ดูเหมือนจะถูกจับตามองเป็นพิเศษจากสาวกแอปเปิลทั่วทุกมุมโลก ซึ่งทางแอปเปิลก็ได้ออกมาปฏิเสธว่าจะไม่ทำ iPhone รุ่นราคาถูก แต่เปิดตัว iPhone 5c เพื่อวางขายแทน iPhone 5 โดยตัวเครื่องของ iPhone 5c ใช้วัสดุเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตเคลือบหนาทั้งชิ้น ไร้รอยต่อ มาพร้อม 5 สีสันสดใส ได้แก่ สีขาว สีเขียว สีฟ้า สีชมพู และสีเหลือง
สเปกเด่น ๆ ของ iPhone 5c
- สเปกเท่ากับ iPhone 5
- ตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นพลาสติก
- มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีขาว สีเขียว สีฟ้า สีชมพู และสีเหลือง
- แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม
- รองรับการใช้งาน 3G- แรม 128MB- หน่วยความจำลดเหลือ 8GB/16GB- ดาวน์โหลดแอปฯ ผ่าน App Store- ตัวเครื่องมีทั้งสีขาวและสีดำถือว่าเป็นอีกรุ่นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นอีกรุ่นที่ได้กลายเป็นของสะสมของสาวกแอปเปิลหลาย ๆ คน สำหรับ iPhone 3GS เปิดตัวเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ที่งาน WWDC 2009 ด้านดีไซน์ของ iPhone 3GS ยังคงเหมือนกับ 2 รุ่นแรก เน้นความโค้งมนของขอบตัวเครื่อง ส่วนด้านสเปกถูกอัปเดตให้แรงขึ้นกว่าเดิม ใช้ซีพียู Cortex-A8 600MHz, แรม 256MB เพิ่มความละเอียดกล้องถ่ายภาพ 3.2 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัส ใช้นิ้วแตะเพื่อหาจุดโฟกัส ถ่ายวิดีโอได้ หน่วยความจำภายใน 8GB/16GB/32GB รวมถึงรองรับ 3G ความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps และแอปพลิเคชันพื้นฐานมากขึ้น เช่น Voice Control (สั่งงานด้วยเสียง)- ซีพียูใหม่ Cortex-A8 600MHz, แรม 256MB- จีพียู PowerVR SGX535- กล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล โฟกัสได้- หน่วยความจำ 8GB/16GB/32GB- รองรับ 3G ความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps- Voice Control (สั่งงานด้วยเสียง)แอปเปิลกลับมาสร้างความฮือฮาให้กับแฟน ๆ อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ในงาน WWDDC 2010 มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่แบบยกเครื่องทั้งหมด ใช้วัสดุหุ้มขอบด้วยสเตนเลสสตีลไร้ฉนวน ซึ่งทำหน้าที่เป็นเสาอากาศของเครื่อง ตัวเครื่องจะอยู่กึ่งกลางระหว่างกระจกอะลูมิโนซิลิเกตชนิดพิเศษที่เพิ่มความแข็งแรงวางไว้ 2 ด้านหน้า-หลัง ส่วนสเปกต่าง ๆ ถูกอัปเกรดให้แรงขึ้นกว่าเดิม ส่วนหน้าจอขนาดเท่าเดิม 3.5 นิ้ว แต่เพิ่มความละเอียดเป็น 960×640 พิกเซล และเรียกหน้าจอแบบใหม่นี้ว่า Retina Display จุดเด่นที่น่าสนใจของ iPhone 4 มาพร้อมกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน FaceTime หรือวิดีโอคอลผ่าน Wi-Fi คุยกันแบบเห็นหน้า และ iPhone 4 เป็นอีกรุ่นที่ขายดีมาก ๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยฮิตกันถล่มทลาย- ซีพียู Apple A4 ความเร็ว 1GHz- แรม 512MB- กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล- มีกล้องด้านหน้าสำหรับใช้งาน FaceTime- หน้าจอ Retina Display ความละเอียดเป็น 960×640 พิกเซล- ดีไซน์ใหม่ทั้งหมดหลังยุคของการจากไปของ สตีฟ จ็อบส์ ผู้นำคนสำคัญของแอปเปิล ดูเหมือนทิศทางของแอปเปิลจะเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อไม่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาเอาใจแฟน ๆ ทำให้การเปิดตัว iPhone 4S ถูกวิพากษ์วิจารณ์และส่งผลให้หุ้นของแอปเปิลตก iPhone 4S เปิดตัวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ในงาน Let's talk iPhone ที่สำนักงานใหญ่แอปเปิล และการมาของ iPhone 4S ทำให้เหล่าสาวกของแอปเปิลที่คาดหวังจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ต้องผิดหวังไปตาม ๆ กัน เมื่อหน้าตาของ iPhone 4S เหมือนกับ iPhone 4 จุดเด่นของ iPhone 4S มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 5 และ iCloud, กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และฟีเจอร์ใหม่ Siri ระบบสั่งงานด้วยเสียงที่เปรียบได้กับผู้ช่วยที่ทำหน้าที่ในการค้นหาและให้ข้อมูลในเรื่องต่าง ๆ และจุดนี้เองที่ทำให้ iPhone 4S แตกต่างจาก iPhone 4- ซีพียู Apple A5 Dual-core ความเร็ว 1GHz- แรม 512MB- หน่วยความจำสูงสุด 64GB- กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล- ระบบปฏิบัติการ iOS 5 และ iCloud- Siri ระบบสั่งงานด้วยเสียงiPhone 5 เป็นอีกรุ่นที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ แต่ก็ยังไร้นวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่ดี โดย iPhone 5 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555 ความโดดเด่นของ iPhone 5 ดีไซน์ตัวเครื่องยังคงเอกลักษณ์คล้ายกับ iPhone 4/4S แต่แอปเปิลได้เปลี่ยนวัสดุใหม่เป็นอะลูมิเนียมและกระจก ส่งผลให้ iPhone 5 มีความบางของตัวเครื่องเพียง 7.6 มิลลิเมตร (บางกว่า iPhone 4S ถึง 18%) และมีน้ำหนักเพียง 112 กรัม ทำให้เบากว่าเดิมถึง 20% ด้านหลังตัวเครื่องใช้สีแบบทูโทน ส่วนหน้าจอถูกปรับขนาดเป็น 4 นิ้ว ความละเอียด 1,136x640 พิกเซล ความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ เช่น เปลี่ยนจากพอร์ต 30-pin เป็นพอร์ต Lightning, รองรับ 4G LTE, หูฟังแบบใหม่ Earpods, Nano-SIM และกล้องด้านหน้า 1.2 ล้านพิกเซล- ซีพียู Apple A6 ความเร็ว 1.3GHz- แรม 1GB- รองรับ 4G LTE- วัสดุแบบใหม่ อะลูมิเนียม ทำให้บางและน้ำหนักเบา- กล้องด้านหน้า 1.2 ล้านพิกเซล- หน้าจอขนาด 4 นิ้ว- พอร์ตเชื่อมต่อแบบใหม่ Lightning- หูฟังรุ่นใหม่ Earpods- Nano-SIMถือเป็นความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของ iPhone มาพร้อมชิป Apple A7 (28nm) ที่เป็นระบบ 64-bit ตัวแรกของโลก มีความเร็วกว่า iPhone ทุกรุ่นถึง 40 เท่า ด้านระบบกราฟิกเร็วขึ้นมากถึง 56 เท่า, แรม 1GB พร้อมแฟลชคู่ Dual LED รวมถึงกล้องที่ปรับปรุงใหม่เพิ่มลูกเล่นอีกมากมาย และไฮไลต์เด็ดของ iPhone 5S ก็คือระบบสแกนลายนิ้วมือที่แอปเปิลเรียกว่า "Touch ID Sensor"- ระบบปฏิบัติการ iOS 7- ซีพียู Apple A7 แบบ 64-Bit ตัวแรกของโลก- แรม 1GB- กล้อง 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบทูโทน- ระบบสแกนลายนิ้วมือ (Touch ID)- แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม 10% รองรับ Standby ได้ 250 ชั่วโมง- ตัวเครื่องมีสีใหม่ ได้แก่ สีทองจากข่าวลือและภาพหลุดตลอดระยะเวลาหลายเดือนเกี่ยวกับ iPhone รุ่นราคาถูก ดูเหมือนจะถูกจับตามองเป็นพิเศษจากสาวกแอปเปิลทั่วทุกมุมโลก ซึ่งทางแอปเปิลก็ได้ออกมาปฏิเสธว่าจะไม่ทำ iPhone รุ่นราคาถูก แต่เปิดตัวเพื่อวางขายแทน iPhone 5 โดยตัวเครื่องของ iPhone 5c ใช้วัสดุเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตเคลือบหนาทั้งชิ้น ไร้รอยต่อ มาพร้อม 5 สีสันสดใส ได้แก่ สีขาว สีเขียว สีฟ้า สีชมพู และสีเหลือง- สเปกเท่ากับ iPhone 5- ตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นพลาสติก- มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีขาว สีเขียว สีฟ้า สีชมพู และสีเหลือง- แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม
iPhone 6 และ iPhone 6 Plus
iPhone 6
สเปกเด่น ๆ ของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
สำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2559 แอปเปิลบอกว่าเป็น iPhone ที่ดีที่สุดอีกรุ่นที่เคยผลิตมา มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องใหม่ที่ปรับปรุงมาจากรุ่นก่อน และได้ซ่อนแถบเสาอากาศด้านหลังออกไป ทำให้ดูสวยงามมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเพิ่มสีตัวเครื่องใหม่อีก 2 สี ได้แก่ สีดำเงา (Jet Black) จะมีเฉพาะรุ่นความจุ 128GB และ 256GB ส่วนอีกสีคือ สีดำด้าน (Black) รวมถึงสีเดิมอีก 3 สี คือ สีเทา สีทอง และสีทองชมพู (Rose Gold) รวมแล้วมีให้เลือก 5 สี สำหรับและที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2559 แอปเปิลบอกว่าเป็น iPhone ที่ดีที่สุดอีกรุ่นที่เคยผลิตมา มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องใหม่ที่ปรับปรุงมาจากรุ่นก่อน และได้ซ่อนแถบเสาอากาศด้านหลังออกไป ทำให้ดูสวยงามมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเพิ่มสีตัวเครื่องใหม่อีก 2 สี ได้แก่ สีดำเงา (Jet Black) จะมีเฉพาะรุ่นความจุ 128GB และ 256GB ส่วนอีกสีคือ สีดำด้าน (Black) รวมถึงสีเดิมอีก 3 สี คือ สีเทา สีทอง และสีทองชมพู (Rose Gold) รวมแล้วมีให้เลือก 5 สี
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 แอปเปิลเปิดตัว iPhone 8 และ iPhone 8 Plus สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2017 ของแอปเปิล โดยงานจัดขึ้นที่หอประชุม Steve Jobs Theater ที่ Apple Park สำนักงานใหม่ของแอปเปิลในแคลิฟอร์เนีย พร้อมเชิญสื่อมวลชนร่วมงานมากมาย ภายในงานแอปเปิลได้เปิดตัวสินค้าใหม่อีกหลายชิ้น เช่น Apple Watch Series 3 รุ่นใหม่, Apple TV 4K และ iPhone X เป็นต้น สำหรับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่อัปเกรดและปรับปรุงมาจาก iPhone 7 และ iPhone 7 Plus โดยในปีนี้เป็นปีแรกที่แอปเปิลไม่ได้ออก iPhone รุ่น S มาวางจำหน่าย แต่แทนที่ด้วยเลขรุ่นใหม่แทน
iPhone X (อ่านว่า ไอโฟนเท็น) สมาร์ตโฟนรุ่นพิเศษ พร้อมสโลแกน "Say hello to the future. (สวัสดีอนาคต)" แน่นอนว่า iPhone รุ่นนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตใหม่ของสมาร์ตโฟนที่จะพัฒนาในอนาคต ตามที่แอปเปิลได้กล่าวไว้ นอกจากแอปเปิลจะเปิดตัว iPhone 8 และ iPhone 8 Plus แล้ว แอปเปิลยังสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟน ๆ ด้วยประโยคเด็ด "One more thing..." ด้วยการเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นพิเศษ พร้อมสโลแกน "Say hello to the future. (สวัสดีอนาคต)" แน่นอนว่า iPhone รุ่นนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตใหม่ของสมาร์ตโฟนที่จะพัฒนาในอนาคต ตามที่แอปเปิลได้กล่าวไว้
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 แอปเปิลเปิดตัว iPhone Xs (ไอโฟนเท็น เอส) และ iPhone Xs Max (ไอโฟนเท็น เอส แม็กซ์) สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2018 ของแอปเปิล โดยงานจัดขึ้นที่หอประชุม Steve Jobs Theater ที่ Apple Park สำนักงานใหม่ของแอปเปิลในแคลิฟอร์เนีย พร้อมเชิญสื่อมวลชนร่วมงานมากมาย ภายในงานแอปเปิลได้เปิดตัวสินค้าใหม่อีกหลายชิ้น เช่น Apple Watch Series 4 รุ่นใหม่ และ iPhone Xr สมาร์ตโฟนที่มีให้เลือกมากถึง 6 สี สำหรับ iPhone Xs และ iPhone Xs Max เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่อัปเกรดและปรับปรุงมาจาก iPhone X นั่นเอง โดยรุ่นนี้เน้นไปที่การอัปเกรดสเปก เพิ่มประสิทธิภาพให้ทำงานได้ดีกว่าเดิมตามสไตล์แอปเปิล
นอกจากแอปเปิลจะเปิดตัว iPhone Xs และ iPhone Xs Max แล้ว ภายในงานแอปเปิลยังเปิดตัว iPhone XR (ไอโฟนเท็น อาร์) เพิ่มมาอีกรุ่น ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ ก็ตรงตามข่าวลือที่หลุดออกมาเกือบทุกประการ โดยรุ่นนี้จะเรียกว่าเป็นรุ่นที่มีราคาถูกที่สุดเลยก็ว่าได้ มาพร้อมหน้าจอ 6.1 นิ้ว หน้าจอแบบ LCD (326ppi) แอปเปิลเรียกหน้าจอนี้ว่า Liquid Retina HD เคลมว่าเป็นหน้าจอ LCD ที่ดีที่สุด ใช้ซีพียู A12 Bionic ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร พร้อม Neural Engine รุ่นที่ 2, กล้องหลังตัวเดียว 12 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพบุคคล (Portrait) โดยใช้กล้องเลนส์เดี่ยว, ตัวเครื่องใช้วัสดุกรอบอะลูมิเนียม ด้านหลังเป็นกระจก มีให้เลือกถึง 6 สี, มี Face ID, กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 และแบตเตอรี่ที่เคลมว่าใช้งานได้นานกว่า iPhone 8 Plus ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2562 แอปเปิลเปิดตัว iPhone 11 สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2019 ของแอปเปิล ซึ่งเป็นรุ่นที่อัปเกรดจาก iPhone XR โดยยังใช้ดีไซน์หน้าจอมีรอยบากเหมือน iPhone X/XS และใช้วัสดุรีไซเคิลแบบ 100% รวมถึงสีสันที่สดใสกว่าเดิม โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีม่วง, สีขาว, สีเขียว, สีเหลือง, สีดำ และสีแดง นอกจากนี้ยังปรับกล้องหลังเป็นกล้องคู่ที่เรียงอยู่ในกรอบมุมซ้ายบนตัวเครื่อง เรียกได้ว่าตรงตามภาพหลุดเกือบทุกอย่าง
เป็นอย่างไรกันบ้างหลังจากได้เห็นวิวัฒนาการของไอโฟนแต่ละรุ่นไปแล้ว เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ความเอาใจใส่ในเรื่องต่าง ๆ ทั้งด้านการออกแบบ, ฟีเจอร์ในการใช้งาน รวมถึงซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว จึงไม่แปลกที่ไอโฟนจะกลายเป็นมือถือขวัญใจของผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะออกมากี่รุ่นก็ขายดิบขายดีอยู่เสมอ สุดท้ายแล้วก็ต้องมารอดูกันต่อว่าไอโฟนรุ่นต่อ ๆ ไปหลังจากนี้ แอปเปิลจะมีนวัตกรรมอะไรเด็ด ๆ ออกมาอวดสายตาชาวโลกอีกบ้างในอนาคต
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 แอปเปิลเปิดตัวมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นถึง 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ตัวเครื่องมีความโค้งมนและบางกว่า iPhone ทุกรุ่น รวมถึงอัปเกรดสเปกใหม่แรงกว่า iPhone ทุกรุ่นถึง 50 เท่า- ระบบปฏิบัติการ iOS 8- ซีพียู Apple A8 แบบ 64-Bit ตัวแรกของโลก- หน้าจอ Retina HD display มีให้เลือก 2 ขนาด 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว- กล้อง 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบทูโทน- iPhone 6 Plus มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) ส่วน iPhone 6 ใช้ระบบกันสั่นผ่านซอฟต์แวร์- ระบบสแกนลายนิ้วมือ (Touch ID)- รองรับ NFC จ่ายเงินผ่านมือถือด้วยบริการ Apple Pay- ใช้งานแนวนอนแบบ iPad- แบตเตอรี่อึดกว่าเดิม สแตนด์บาย 16 วัน สำหรับ iPhone 6 Plus และ 10 วัน สำหรับ iPhone 6ในวันที่ 9 กันยายน 2558 แอปเปิลเปิดตัวและที่มาพร้อมดีไซน์เหมือนเดิม แต่ด้านสเปกถูกอัปเกรดใหม่ให้น่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะหน้าจอแบบใหม่ที่แอปเปิลเรียกว่าสามารถแยกน้ำหนักการสัมผัสได้ ทำให้สั่งการทำงานเพื่อไปยังฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้หลากหลายขึ้น พร้อมอัปเกรดกล้องหลังเป็น 12 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล รับกระแสการถ่ายภาพ Selfieเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2559 แอปเปิลจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวสมาร์ตโฟนหน้าจอ 4 นิ้ว รุ่นใหม่ หลังจากมีภาพหลุดและข่าวลือออกมานานหลายเดือน สำหรับ iPhone SE เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่อัปเกรดมาจาก iPhone 5s มีดีไซน์เหมือนกัน แต่สเปกภายในแอปเปิลได้อัปเกรดให้แรงเทียบเท่ากับ iPhone 6s แต่บางฟีเจอร์อย่าง 3D Touch ถูกตัดออกไป ส่วนด้านสเปกเด่น ๆ เช่น ซีพียู Apple A9/M9, มี Touch ID, รองรับ Apple Pay, สี Rose Gold, กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K เป็นต้น
Write a Comment