เมื่อ Apple จะเปิดตัวบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า iPhone แต่สิ่งนั้นคือ.....? ::
เมื่อ Apple จะเปิดตัวบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า iPhone แต่สิ่งนั้นคือ.....?
Apple เป็นแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์เด่นหลายอย่าง แต่สิ่งที่ได้รับความนิยมจนกลายเป็นรายได้หลักของบริษัทคงหนีไม่พ้นสมาร์ทโฟนที่มีชื่อเรียกว่า iPhone ที่สามารถทำยอดขายเป็นอันดับ 1 ให้กับ Apple ได้อยู่เสมอ แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า iPhone อาจไม่ใช่ปลายทางของ Apple เพราะก่อนหน้านี้มีรายงานเปิดเผยให้ทราบหลายครั้งว่า จริงๆ แล้ว Apple มีแผนสร้างบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่า Apple หลายเท่า และจะกลายมาเป็นสิ่งสำคัญในอนาคตของบริษัทด้วย แต่สิ่งนั้นคืออะไรกันแน่นะ?
เราไม่ค่อยได้เห็น Apple เปลี่ยนดีไซน์ไอโฟนบ่อยนัก แต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีข่าวลือถูกเปิดเผยออกมาอย่างหนาหูว่า Apple กำลังพัฒนาไอโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับหน้าจอยืดหยุ่นขนาดใหญ่ราวๆ 7.3-7.6 นิ้ว ซึ่งสามารถพับเข้าหากันได้ในรูปแบบฝาพับ และรองรับปากกา Apple Pencil สำหรับจดบันทึกได้เหมือนกับ iPad ซึ่ง Apple ตั้งเป้เน้นตอบโจทย์กลุ่มตลาดวัยรุ่นด้วยราคาวางจำหน่ายที่ย่อมเยาว เริ่มต้นราว 1,499 ดอลลาร์ หรือประมาณ 44,800 บาทเท่านั้น โดยคาดว่าทาง Apple จะเปิดตัวให้เห็นเร็วสุดภายในปี 2022 นี้
หากข้อมูลด้านต้นเป็นเรื่องจริงก็มีความเป็นไปได้ว่า Apple กำลังสร้างไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่อาจกลายมาเป็นอุปกรณ์กระแสหลักเหมือนกับ iPhone ก็เป็นได้ จริงอยู่ที่ในปัจจุบันแบรนด์ฝั่ง Android ก็มีการพัฒนา และวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนจอพับให้เห็นแล้ว แต่การที่ Apple ลงมาเล่นในตลาดนี้ด้วยอาจมีความเป็นไปได้ว่า Apple อาจมองเห็นโอกาสบางอย่างของตลาดมือถือกลุ่มนี้ หรืออาจตั้งใจปฏิวัติวงการมือถืออีกครั้งเหมือนตอนที่เปิดตัว iPhone รุ่นแรก ที่ยุบรวม iPod, เครื่องมือเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์เข้าด้วยกัน
หนึ่งในสิทธิบัตรของ Apple ที่เคยยื่นจดไว้ สามารถนำไอโฟนมาติดตั้งกับแล็ปท็อปเพื่อใช้งานได้ทันที
Apple เขย่าวงการคอมพิวเตอร์ด้วยการเปิดตัว MacBook รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล Apple M1 ชิปเซ็ตสำหรับ Mac ที่ทาง Apple ออกแบบด้วยตนเองบนสถาปัตยกรรมระดับ 5 นาโนเมตร แต่ที่น่าสนใจก็คือ Apple M1 เปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรมจาก ARM ไม่ใช่ X86 ทำให้สามารถรันแอปอื่นๆ จากแพลตฟอร์มของตัวเองอย่าง iPhone หรือ iPad ที่ใช้ชิปเซ็ตบนสถาปัตยกรรมเดียวกันนี้ได้ด้วย (แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่มีแอปฯ ให้ใช้เยอะขนาดนั้น และใช้งานไม่ได้เต็ม 100% เหมือนกับ iPhone) แต่หากในอนาคต Apple สามารถนำชิป M1 มาย่อส่วนเพื่อให้ใช้งานกับ iPhone ได้ ก็อาจเป็นการเปิดช่องทางให้ iPhone สามารถทำงานร่วมกับ MacBook ได้ง่ายขึ้น หรือล้ำกว่านั้นก็คือ สามารถแปลงร่าง iPhone ให้กลายเป็น MacBook ได้เพียงแค่นำไปเสียบกับหน้าจอนอก แต่กว่าจะถึงวันนั้นเราอาจต้องรอกันอีกยาวไกล
Apple ดูเหมือนจะเอาจริงกับเทคโนโลยี AR (การสร้างโลกเสมือนจริงขึ้นบนโลกความเป็นจริง) และ VR (การสร้างโลกเสมือนจริง) มาโดยตลอด ซึ่งจะเห็นได้จาการปล่อย ARKit ให้กับนักพัฒนา เพื่อช่วยทำแอปฯ ประเภท AR สำหรับนำมาใช้งานกับ iPhone รวมทั้งในงานเปิดตัว iPhone Xs ทาง Apple ก็ได้โชว์ศักยภาพของชิปเซ็ตทรงพลัง A12 Bionic ที่สามารถรันเทคโนโลยี AR ได้อย่างลื่นไหล พร้อมกับนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่ AR สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็น การเล่นเกม, การวัดสิ่งของ ไปจนถึงการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นๆ
แต่ Apple คิดไกลกว่าซอฟท์แวร์บนมือถือ เพราะมีข่าวมาตลอดว่า บริษัทกำลังพัฒนาโปรเจ็กต์ที่เรียกว่า Apple Glasses หรือแว่นตาอิจฉริยะที่สามารถสร้าง AR และ VR ให้เห็นแบบตรงหน้า โดยมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดระดับ 8K ที่มีระบบตรวจจับการเคลื่อนนไหวของดวงตา เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถอ่านข้อความที่ปรากฏบนแว่นตาได้อย่างง่ายๆ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาอุปกรณ์เล็กๆ คล้ายปลอกสวมนิ้ว เพื่อช่วยตอบสนองต่อการสั่งการระหว่างสิ่งที่มองเห็นในแว่นตา และนิ้วมือได้อย่างสุดล้ำ รวมทั้งยังมีการนำผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri เข้าไปใส่ใน apple Glasses ด้วย
หากข้อมูลด้านต้นเป็นจริงก็อาจมีความเป็นไปได้ว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า iPhone คือการเปลี่ยนรูปแบบของมือถือไม่ให้เป็นมือถือ แต่เป็นอุปกรณ์อื่นที่ใช้งานได้อย่างสะดวก และเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น แม้ว่าอ่านดูแล้วจะเป็นเรื่องที่ดูล้ำสมัยไปมาก แต่ต้องไม่ลืมว่าในปัจจุบันมีการพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะให้เห็นบ้างแล้ว อย่างเช่น แบรนด์ Huawei กับแว่นตา HUAWEI X Gentle Monster ที่แม้ว่าจะยังไม่มีฟีเจอร์ AR / VR แต่ก็มาพร้อมกับไมโครโฟน และลำโพงในตัวเพื่อช่วยให้คุยโทรศัพท์ได้ราวกับสายลับ
หรือแท้จริงแล้ว สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า iPhone จะไม่ใช่อุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร แต่มันคือ Apple Car โปรเจ็กต์การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกภายใต้ชื่อแบรนด์ Apple ที่ใช้ชื่อการผลิตอย่างลับๆ ว่า Project Titan
สำหรับ Apple Car มีข่าวลือมาตั้งแต่ปี 2014 หลังมีรายงานว่า Apple ดึงพนักงานกว่า 1,000 คน เพื่อช่วยพัฒนารถยนต์ในสถานที่แห่งหนึ่งใกล้สำนักงานใหญ่ของ Apple ที่ Curpertino สหรัฐฯ แต่ต่อมาในปี 2016 ก็มีข่าวลืออีกระลอกว่า Project Titan ต้องถูกพับไปก่อนหลังประสบปัญหาด้านการพัฒนา ทำให้หลายฝ่ายมองว่า Apple น่าจะถอดใจในตลาดนี้ไปแล้ว อีกทั้ง อุตสาหรรมยานยนตร์ก็กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายจากรถยนต์เครื่องสันดาป ICE ไปเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV และหนึ่งในผู้เล่นที่เป็นตัวเต็งในตลาด EV ก็ดันเป็น Tesla บริษัทที่ขึ้นชื่อด้านนวัตกรรมไม่แพ้ Tech Giants รายอื่นๆ แถมยังเป็นหนึง่ในผู้บุกเบิกรถ EV อีกต่างหาก
แต่แล้วในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2020 มีข่าวลือออกมาใหม่ว่า Apple กำลังซุ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบบลับๆ มาโดยตลอด และมีแผนการที่จะเปิดตัวให้เห็นภายใน 3 -6 ปีข้างหน้านี้ แถมมีข่าวออกมาว่าทาง Apple ได้เข้าไปดีลกับทางแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่าง Hyundai เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย ซึ่งทางนักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Ming-Chi Kuo เชื่อว่า Apple Car จะกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ดาวเด่น (next star product) ของ Apple ในอนาคตอันใกล้ ด้วยการผสานรวมฮาร์ดแวร์, ซอฟท์แวร์ และบริการต่างๆ ให้ทำงานเข้ากันได้แบบไร้รอยต่อเหมือนกับ iPhone
หรือจริงๆ แล้วสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า iPhone คือ ไอโฟนที่มีสเปกเทียบชั้นกับมือถือฝั่ง Android หลังเมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานว่า Apple อาจพิจารณานำหน้าจอ OLED แบบ Low-Temperature Polycrystalline Oxide (LTPO) มาใช้งานกับ iPhone 13 เป็นครั้งแรก เพื่อช่วยให้สามารถใช้งานฟีเจอร์ Always-On Display สำหรับแสดงการแจ้งเตือนขณะที่ล็อกหน้าจอแสดงผลได้เหมือนกับมือถือฝั่ง Android รวมทั้งยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz และฟีเจอร์ใหม่อย่างการถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Video) รวมถึงฟีเจอร์สำหรับถ่ายภาพดวงดาว และพระจันทร์ในเวลากลางคืนเหมือนกับคู่แข่งอย่าง Samsung Galaxy S21 Series ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการอัปเกรดครั้งยิ่งใหญ่ในรอบหลายปีเลยทีเดียว
Write a Comment